นักวิชาการชี้สารทดแทนแร่ใยหินปลอดภัย ควรเร่งส่งเสริมการใช้และพัฒนาสูตรทางเคมีเพื่อลดต้นทุน พร้อมแก้ปัญหาการติดตามเฝ้าระวังคนไข้จากโรคแร่ใยหิน ผ่านโมเดลการคัดกรองอย่างเป็นระบบ เหตุมีสัญญาณการฟักตัวของโรค
นนทบุรี-วันนี้ (27 กันยายน 2554) ที่อาคารสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) นำโดย นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา ที่ปรึกษาสช. จัดเวที สช.เจาะประเด็นในหัวข้อ “เมืองไทยไร้แร่ใยหิน...คืบหน้า หรือ คืบคลาน” เพื่อรายงานความคืบหน้าการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เรื่องมาตรการทำให้สังคมไทยไร้แร่ใยหิน ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้เห็นชอบเมื่อวันที่ 12 เมษายน 2554 ที่ผ่านมา นพ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา กล่าวว่า “อย่างไรก็ตาม การประชุมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมามีความคืบหน้าที่สำคัญเพิ่มเติมใน 2 ยุทธศาสตร์ ส่วนแรกเป็นการจัดให้มีการศึกษาเรื่องความเป็นไปได้ในการยกเลิกการใช้แร่ใยหิน โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งขณะนี้ได้จัดทำ TOR เพื่อว่าจ้างผู้วิจัยการลดเลิกใช้แร่ใยหินเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว และอยู่ในระหว่างการเปิดรับนักวิจัย คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน จึงจะได้ผลการศึกษา อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายกังวลว่าการจัดทำ TOR ดังกล่าว กินระยะเวลานานเกินไปหรือไม่เพราะหลายผลิตภัณฑ์มีความพร้อมในการใช้สารทดแทนอยู่แล้ว อีกส่วนคือการที่กลุ่มนักวิชาการ/วิชาชีพอาสาเข้าร่วมเป็นแกนพัฒนาความรู้สู่การปฏิบัติ ในเรื่องการจัดระบบเฝ้าระวังคัดกรองผู้ป่วยและการวางหลักเกณฑ์การรื้อถอนอาคารที่ใช้วัสดุมีแร่ใยหินเป็นส่วนประกอบ” ที่ปรึกษา สช.กล่าว
ด้าน ผศ.พญ.พิชญา พรรคทองสุข อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ กล่าวว่า ในส่วนของยุทธศาสตร์ที่ 4 เรื่องการพัฒนาระบบการเฝ้าระวังและติดตามกลุ่มเสี่ยงด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการวินิจฉัยโรคมีความคืบหน้าไปมาก โดยขณะนี้มีเครือข่ายแพทย์ในนามของสมาพันธ์อาชีวอนามัยความปลอดภัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน แผนงานคุ้มครองผู้บริโภคด้านสุขภาพ (คคส.) และมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ร่วมกันจัดทำยุทธศาสตร์การแก้ไขและป้องกันปัญหาโรคแร่ใยหิน (asbestos-related disease : ARDs) ขึ้น เพื่อเป็นต้นแบบของระบบคัดกรองผู้ป่วย/กลุ่มเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งและที่ไม่ใช่มะเร็งจากแร่ใยหิน หรือฝุ่นอนินทรีย์ทุกชนิดในระดับประเทศต่อไปในอนาคต