กรม สรรพสามิตเตรียมปรับโครงสร้างภาษีบาประบุเป็นแนวทางเพิ่มรายได้เข้ารัฐ ทำได้ทันที พร้อมปรับปรุงภาษีแอร์ – รถยนต์เอ็นจีวี หลังพบไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์เดิม ระบุรื้อโครงสร้างภาษีรถยนต์ พร้อมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหารือเร็วๆ นี้

          นางเบญจา หลุยเจริย อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมสรรพสามิตเตรียมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือถึงแนวทางการปรับโครง สร้างภาษีสรรพสามิตในส่วนรถยนต์ โดยนอกจากกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังานแล้ว ยังจะเชิญกรมการขนส่งทางบกเข้าร่วมพิจารณาด้วย เพื่อให้การปรับโครงสร้างภาษีดังกล่าวมีความรอบคอบและมองให้กว้างขึ้น

          ทั้งนี้ที่ผ่านมากรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเคยมีแนวคิดที่จะปรับอัตราภาษีรถยนต์ ตามระดับของการลดมลภาวะหรือการปล่อยก๊าซคาร์บอน ซึ่งแนวคิดดังกล่าวอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม “ส่วน ตัวแล้ว เห็นด้วยอย่างยิ่ง ที่การพิจารณาโครงการภาษีรถยนต์ใหม่ระหว่างกระทรวงการคลังและกระทรวง อุตสาหกรรมขอเลื่อนการประกาศออกไปก่อน เพราะภาษีสรรสามิตรถยนต์นั้นเป็นภาษีที่เก็บครั้งเดียวแล้วเลิก ซึ่งกรณีนี้เห็นว่าการหารือเพียงแค่ 2 หน่วยงานไม่เพียงพอ โดยจะเชิญกรมการขนส่งทางบกเข้ามาหารือด้วย เพราะรถทุกคันต้องเสียภาษีป้ายทะเบียนทุกปี จึงต้องมองให้กว้างขึ้น หากคิดว่ารถยนต์ที่สร้างมลภาวะที่เป็นพิษน้อย เช่น รถพลังงานไฟฟ้า หรือรถยนต์ที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์น้อยก็ควรเสียภาษีน้อย คงไม่ถูกต้องเสมอไป เพราะรถเหล่านี้ จัดเป็นรถหรูราคาแพง ไม่ใช่รถตลาดของคนทั่วไปที่ผลิตและขายจำนวนมากๆ ก็เกิดคำถามขึ้นว่า ทำไมคนจีนซื้อรถเสียภาษีแพงกว่าคนร้า” นางเบญจากล่าว

          นอกจากนี้ กรมกำลังพิจารณาปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตในหลายรายการ เพื่อให้สะท้อนความเป็นจริงมากขึ้น และอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นภาษีบุหรี่ ยาเส้น และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น สุราและเบียร์รวมถึงสถานบันเทิงต่างๆ ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มภาษีบาป เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่กระทรวงการคลัง แต่การพิจารณาว่าจะปรับขึ้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับการตัดสินของกระทรวงการคลัง

          “หลังจากประเทศประสบปัญหาน้ำท่วมและภาครัฐมีความจำเป็นต้องใช้เงินเพื่อลงทุนใน โครงสร้างพื้นฐานเท่าที่พิจารณาขณะนี้ ก็มีเรื่องการขึ้นภาษีบุหรี่ ยาเส้น เหล้า และเบียร์ ซ่งจัดอยู่ในกลุ่มภาษีบาป สามารถทำได้ทันที แต่จะขึ้นภาษีหรือไม่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจในระดับนโยบาย” อธิบดีกรมสรรพสามิตกล่าว

          ทั้งนี้ที่ผ่านมากรมสรรพสามิตได้ปรับลดอัตราภาษีลงหลายรายการ เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตให้แก่ผู้ประกอบการ แต่ผลที่ออกมาไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์จึงจะมีการทบทวนใหม่อีกครั้ง เช่น การปรับลดภาษีเครื่องปรับอากาศเหลือ 0% จาก 15% เมื่อปี 2552 แต่กลับพบว่าราคาแอร์ยังแพงอยู่ และการลดภาษีให้แก่ผู้ประกอบการคันละ 5 หมื่นบาท กรณีที่ติดตั้งเอ็นจีวีจากโรงงาน เมื่อพิจารณาจากราคาขายของรถที่ติดตั้งเอ็นจีวีจากโรงงานแล้ว ราคาก็ไม่ได้ถูฏอย่างที่กรมสรรพสามิตคาดหวัง