มติชน (กรอบบ่าย) ฉบับวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2554

          เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พญ.เพชรศรี ศิรินิรันดร์ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจัดการปัญหาเอดส์แห่งชาติ เปิดเผยในการสัมมนาเรื่อง “การตรวจการติดเชื้อเอชไอวีโดยไม่สมัครใจ : ผลกระทบและแนวทางแก้ไข” ว่าขณะนี้ในประเทศไทยมีกรณีร้องเรียนจากผู้ติดเชื้อเอชไอวีว่าถูกละเมิด สิทธิจำนวนมาก เนื่องจากมีการบังคับตรวจหาเชื้อและเมื่อพบจะถูกกีดกันไม่ให้เข้าทำงานกีด กันไม่ให้เลื่อนตำแหน่ง หรือถูกไล่ออกซึ่งเป็นปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน ส่งผลให้คณะอนุกรรมการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิด้านเอดส์ เตรียมเสนอแนวทางลดปัญหาต่อคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เบื้องต้นจะนัดหารือในรายละเอียดในวันที่ 26 ตุลาคมนี้

          นพ.ประพันธ์ ภานุภาค ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย กล่าวว่าที่ผ่านมามีการบังคับให้ตรวจเชื้อก่อนทำงานหรือระหว่างทำงาน เช่น การตรวจสุขภาพประจำปี ดังนั้น ภาครัฐต้องเป็นแบบอย่างให้เอกชน โดยออกมาตรการหรือกฎหมายห้ามบังคับการตรวจหาเชื้อทั้งก่อนและระหว่างทำงาน ขณะเดียวกัน ต้องรณรงค์ส่งเสริมให้คนหันมาสนใจสุขภาพ ตรวจหาเชื้อด้วยความสมัครใจแทน หากหน่วยงานรัฐหรือภาคเอกชนใดร่วมมือก็ควรมีรางวัล เช่น ลดหย่อนภาษี เป็นต้น นอกจากนี้ เมื่อมีการห้ามการบังคับตรวจเชื้อ ก็ควรเปิดสิทธิให้ผู้ที่ต้องการตรวจเชื้อด้วย โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี

          นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ข้อมูลที่ผ่านมา พบว่าภาครัฐมีการบังคับตรวจร้อยละ 1-2 ขณะที่เอกชนมีประมาณร้อยละ 5-10 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ยังไม่ชัดเจน เนื่องจากคนกลุ่มนี้เมื่อถูกละเมิดจะไม่กล้าออกมาเรียกร้องเพราะอาย และว่า กรมควบคุมโรคได้ร่างแผนยุทธศาสตร์ป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์แห่งชาติปี 2555-2559 ซึ่งการลดปัญหาถูกริดลอนสิทธิเป็น 1 ในเป้าหมาย ทั้งนี้ เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ประเทศไทย ได้เปิดเผยผลการชี้วัดการตีตราและเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีปี 2552 โดยสัมภาษณ์ผู้ติดเชื้อ 233 คน เป็นชาย 57 ราย หญิง 148 ราย พบว่า ร้อยละ 34.33 ไม่ได้รับเชิญหรือถูกกีดกันไม่ให้ร่วมงานสังคมนอกจากนี้ อีกร้อยละ 19.47 ยังถูกปฏิเสธเข้ารับบริการทางการแพทย์ ที่พบบ่อยคือ กรณีทำฟัน และวางแผนครอบครัว