กระแสน้ำสมุนไพรมาแรง มีวางจำหน่ายตามร้านค้าอย่างแพร่หลาย สสจ.อุบลฯ ย้ำชัด หากไม่ใช่ “ยาสามัญประจำบ้าน” ห้ามจำหน่ายในร้านค้า-ร้านชำ เตือนผู้บริโภค อ่านฉลากก่อนรับประทาน

นายแพทย์สุรพร ลอยหา นพ.สสจ.อุบลราชธานี เปิดเผยว่า จากการสำรวจร้านค้าร้านชำ โดยเครือข่ายเฝ้า ระวังงานคุ้มครองผู้บริโภค จังหวัดอุบลราชธานี ระหว่างปี 2558-2559 พบว่า มีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่ม ยาน้ำสมุนไพรอย่างแพร่หลาย ทั้งสูตรที่เป็น “ยาสามัญประจ้าบ้าน” และสูตรที่เป็น “ยาแผนโบราณ” รวมถึงผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องดื่มสมุนไพร ซึ่งบรรจุในภาชนะที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันกับเครื่องดื่มชูกำลัง ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก โดยมีหลากหลายยี่ห้อ ทั้งกลุ่มที่จัดเป็น “ยาน้ำสมุนไพร”และ “เครื่องดื่ม สมุนไพร” จากการสอบถามจากเจ้าของร้าน พบว่า ลูกค้าซื้อดื่มเพื่อหวังฤทธิ์แอลกอฮอล์ในผลิตภัณฑ์ทำให้มึนเมา ส่วนใหญ่ บริโภคไม่ตรงตามฉลากข้างขวด และเมื่อเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ยาน้ำสมุนไพรไปตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ พบว่า มีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ร้อยละ 8-12 แม้จะน้อยกว่าในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ ขายทั่วไป แต่หากดื่มเกินปริมาณที่กำหนด ทำให้เกิดอาการ มึนเมาได้ และหากร่างกายได้รับสารจากสมุนไพรเกินปริมาณที่กำหนด จะมีผลกระทบโดยตรงต่อตับและไตอีกด้วย โดยผู้บริโภคสามารถสังเกตด้วยตนเองง่ายๆ จาก เครื่องหมายบนฉลาก โดยหากปรากฏเลขสารระบบอาหาร 13 หลัก (เลข อย.) แสดงว่าผลิตภัณฑ์นั้นจัดเป็นอาหาร ส่วนผลิตภัณฑ์ที่ จัดเป็นยา จะปรากฏเลขทะเบียนตำรับยา ในส่วนของยาแผนโบราณจะขึ้นต้นด้วยอักษร G ตามด้วยตัวเลขลำดับที่ได้รับอนุญาต/ ปี พ.ศ. เช่น G 360/58 เป็นต้น ยาน้ำสมุนไพร จัดเป็นยาแผนโบราณ ซึ่งมีทั้งชนิดที่เป็น และไม่เป็นยาสามัญประจำบ้าน สำหรับยาแผนโบราณในกลุ่มที่จัดเป็นยาสามัญประจำบ้าน สามารถจำหน่ายได้ในร้านค้าร้านชำและร้านขายยาทุกประเภท ส่วนยาแผน โบราณในกลุ่มที่ไม่เป็นยาสามัญประจำบ้าน จำหน่ายได้เฉพาะในร้านขายยาแผนโบราณและร้านขายยาแผนปัจจุบันที่ได้รับ อนุญาตจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเท่านั้น ฝ่าฝืนมีโทษ จำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 5,000 บาท ตาม พรบ.ยา พ.ศ.2510 มาตรา 46 ซึ่งผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสมุนไพร และยาสมุนไพรที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ เมื่อพิจารณา - ฉลาก ที่ติดอยู่บนขวดผลิตภัณฑ์ จะพบว่ามีการขออนุญาตผลิตและมีการจัดทำฉลากถูกต้องตามกฎหมาย - ลักษณะภาชนะและขนาดบรรจุ ถึงแม้จะมีความคล้ายคลึงเครื่องดื่มชูกำลังจนอาจทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิด แต่เมื่อพิจารณาตามกฎหมายแล้ว ไม่ได้มีข้อห้ามแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม สำนักงาน คณะกรรมการอาหารและยากำลังเร่งดำเนินการหาทางแก้ไขอยู่ จึงฝากเตือนไปยังผู้บริโภค อ่านฉลากก่อนรับประทาน และไม่ควรรับประทานเกิน ที่กำหนด เพราะ เสี่ยงต่อการได้รับแอลกอฮอล์มากเกิน และ อาจมีผลให้ผู้ป่วยบางโรค เช่น โรคเบาหวาน หรือ โรคตับอักเสบ โดยไม่สามารถเอาผิดกับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายได้ พร้อมกันนี้ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี ได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการร้านค้า ไม่ให้นำผลิตภัณฑ์กลุ่ม ซึ่งถือเป็น “ยา” ไปวางปะปนกับเครื่องดื่มอื่นๆในตู้แช่/ถังแช่เย็น เพราะอาจทำให้ผู้บริโภค เข้าใจผิดคิดว่าเป็น “อาหาร” และยังเป็นการจูงใจให้ผู้บริโภคซื้อมาบริโภคในทางที่ผิดอีกด้วย หากมีข้อสงสัย สอบถามข้อมูล ได้ที่ กลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคและเภสัชสาธารณสุข สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี โทร.045-262699 … นิชรา บุญตะนัย ผู้สื่อข่าวสุขภาวะภาคอีสาน สานใจสานพลัง รายงาน จาก จ.อุบลราชธานี ค่ะ