สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ กำหนดให้กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 เป็นกลุ่มเป้าหมายที่จะดำเนินการพัฒนาเป็นต้นแบบ โดยกำหนดยุทธศาสตร์และวิสัยทัศน์การพัฒนาจังหวัด กลุ่มจังหวัด เพื่อพัฒนาการจัดทำแนวทางและฐานข้อมูลให้มีประสิทธิภาพ ที่จังหวัดเชียงราย
เมื่อเวลา 09.00 น. ของวันที่ 10 พฤษภาคม 2559 ที่โรงแรมโพธิ์วดล รีสอร์ท แอนด์สปา เชียงราย อำเภอเมืองเชียงราย นายประจญ ปรัชญ์สกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อยืนยันประเด็นยุทธศาสตร์ และการตั้งกรอบวิสัยทัศน์จังหวัด กำหนดยุทธศาสตร์และวิสัยทัศน์การพัฒนาจังหวัด โดยมี นายนครเขตต์ สุทธปรีดา รองเลขาธิการ ก.พ.ร. และคณะจากส่วนกลาง หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมฯ ในการแนะนำโครงการและวัตถุประสงค์ของการดำเนินโครงการพัฒนาต้นแบบยุทธศาสตร์ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนบน 2 ได้แก่จังหวัดเชียงราย พะเยา แพร่ และน่าน เป็นกลุ่มเป้าหมายที่จะดำเนินการพัฒนาเป็นต้นแบบ ตามโครงการพัฒนาต้นแบบยุทธศาสตร์จังหวัด กลุ่มจังหวัด เพื่อพัฒนาการจัดทำแนวทาง และฐานข้อมูลเพื่อดำเนินการพัฒนายุทธศาสตร์จังหวัด และกลุ่มจังหวัดให้มีประสิทธิภาพ
นายประจญ ปรัชญ์สกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาล จังหวัดเชียงรายได้ถูกกำหนดและประกาศให้พื้นที่ 3 อำเภอของจังหวัดเชียงราย เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ได้แก่ อำเภอแม่สาย อำเภอเชียงแสน และอำเภอเชียงของ จากโอกาสและศักยภาพของจังหวัดเชียงรายทั้งด้านการท่องเที่ยว และภาคเกษตรกรรม การกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด เพื่อรองรับในเรื่องดังกล่าวจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อยืนยันประเด็นยุทธศาสตร์ และตั้งกรอบวิสัยทัศน์จังหวัด ครั้งนี้ ประกอบด้วย ทิศทางของโลก ทิศทางของไทย และบริบทของจังหวัด ผลการวิเคราะห์ศักยภาพจังหวัด กรอบวิเคราะห์สภาวการณ์จังหวัด ผลการวิเคราะห์สภาวการณ์จังหวัด และสรุปแนวทางการพัฒนายุทธศาสตร์จังหวัด สำหรับเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษนี้ ซึ่งก็กำลังเป็นเรื่องที่ถูกกล่าวถึง และแสดงความคิดเห็นกันมากมาย นักข่าวสุขภาวะก็เคยได้รับเชิญบ่อยครั้งเกี่ยวกับการแสดงความคิดเห็นต่างๆ ตามส่วนราชการและเวทีการแสดงความคิดเห็นของส่วนราชการและภาคเอกชน องค์กรต่างๆจัดร่วมกันกับประชาชนในพื้นที่ๆให้แสดงความคิดเห็นกันอย่างเต็มที่ มีทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ต่างก็อ้างเหตุผลต่างๆของแต่ละฝ่ายขึ้นมา ฝ่ายนำเสนอก็นำเสนอในผลประโยชน์ที่จะได้รับ เช่น โอกาสทางธุรกิจและคุณภาพชีวิต เช่น การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ – บริการโลจิสติกส์ – การป้องกันด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม – อุตสาหกรรมเชิงนิเวศและธุรกิจเกษตรครบวงจร – ศูนย์กลางด้านการบริการทางการแพทย์ – ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและวางผังเมือง – การค้าชายแดนและมีการยกระดับคุณภาพชีวิต ไม่ว่าจะเป็น ด้านการสร้างงานและยกระดับรายได้ - ศูนย์กลางด้านการศึกษา ฯลฯ ส่วนข้อกังวลของฝ่ายแสดงความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนข้อมูลจากผลกระทบต่างๆ จากการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น – ปัญหาการจัดการทรัพยากรธรรมชาติระหว่างชุมชนกับเขตเศรษฐกิจพิเศษ อาจจะเกิดขึ้นได้เพราะใช้ทรัพยากรเป็นฐานไม่ว่าจะเป็น ที่ดิน แหล่งน้ำ ผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจชุมชนและวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น ซึ่งจะมีการสร้างหอพัก ปล่อยน้ำเสียลงแหล่งน้ำชุมชน ขยะล้นแถมมีมลพิษทางอากาศ – ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ คนข้างนอกจะได้รับผลกระทบจากค่าแรงไม่เท่ากัน – ปัญหาการจ้างงานและกระจายรายได้ – ความเสี่ยงต่อการเกิดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพในชุมชน เพราะมีแรงงานทะลักเข้ามาในประเทศพร้อมนำโรคติดต่อเข้ามา สุขภาพแรงงานในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (ในโรงงานปิด) ซึ่งจะได้รับพิษจากสารโลหะหนัก (ตะกั่ว) และปัญหาการขูดรีดแรงงานข้ามชาติ (ต่างด้าว) และมีปัญหาต่างๆตามมาอีกมากมาย จากฝ่ายเป็นห่วงและกังวล. อิสระ บุญอนันต์ นักข่าวสุขภาวะ จ.เชียงราย รายงาน