รายการสานใจ สานพลังภาคเหนือ จ.เชียงราย สัปดาห์ที่สามของเดือนตุลาคม ตรงกับวันอังคารที่ 20 ตุลาคม 2558 หัวข้อ “ สาธารณสุขเชียงราย แนะย้ำเตือน “สุขภาพช่องปาก ”

สาธารณสุขจังจังหวัดเชียงรายแนะให้ประชาชนให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพช่องปากเป็นพิเศษ เผยปัจจุบันพบผู้สูงอายุฟันเหลือใช้งานน้อยกว่า 20 ซี่ มากถึงร้อยละ 88 และ 21 ตุลาคมนี้ เป็นวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ เชิญชวนประชาชนทุกกลุ่มวัยไปรับบริการทางทันตสุขภาพในสถานบริการสาธารณสุขของรัฐโดยไม่คิดมูลค่า เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จย่า พระมารดาแห่งการทันตแพทย์ไทย
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2558 นายแพทย์สุรินทร์ สุมนาพันธุ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่าวันที่ 21 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันทันตสาธารณสุขแห่งชาติ ปีนี้กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำโครงการรณรงค์ “คนไทยฟันดีสดุดีสมเด็จย่า” ปี 2558 ขึ้น โดยให้สถานบริการสาธารณสุขของรัฐทุกแห่งที่มีบริการทางด้านทันตกรรม ได้จัดบริการทันตสาธารณสุขแก่ประชาชนทุกกลุ่มวัยโดยไม่คิดมูลค่า เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี “พระมารดาแห่งการทันตแพทย์ไทย” และเพื่อสร้างกระแสกระตุ้นให้สังคมเห็นความสำคัญในการดูแลสุขภาพในช่องปาก ซึ่งในปีนี้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงรายได้มอบหมายให้หน่วยงานบริการสาธารณสุขในสังกัดทุกแห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลประจำจังหวัด โรงพยาบาลชุมชนทุกแห่ง และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลที่มีบริการทันตกรรมทุกแห่ง ได้จัดบริการทันตสาธารณสุข อาทิ การตรวจสุขภาพช่องปาก อุดฟัน ถอนฟัน ขูดหินน้ำลาย เคลือบหลุมร่องฟัน รวมถึงการจัดบริการส่งเสริม ป้องกัน ควบคุมโรคในช่องปากแก่ประชาชนทุกกลุ่มวัยลดการเจ็บป่วยทางช่องปากและการสูญเสียฟัน ได้ฟรีโดยไม่คิดมูลค่า
นายแพทย์สุรินทร์ สุมนาพันธุ์ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า จากรายงานของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่าผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่มีการสูญเสียฟันมากที่สุด มีฟันเหลือใช้งานน้อยกว่า 20 ซี่ มากถึงร้อยละ 88 และพบปัญหาการสูญเสียฟัน ฟันผุและรากฟันผุ เหงือกอักเสบ มีแผลและมะเร็งช่องปาก ถึงร้อยละ 42 ดังนั้นการดูแลสุขอนามัยในช่องปาก จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องเอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคในช่องปาก เช่น เหงือกอักเสบ โรคฟันผุ โรคปริทันต์ และโรคอื่น ๆ ที่จะตามมา จำเป็นต้องปฏิบัติตนดูแลรักษาช่องปากและฟันให้ถูกต้องตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยสูงอายุ การแปรงฟันอย่างถูกวิธีและใช้ไหมขัดฟันร่วมด้วย วันละ 2 ครั้ง รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหาร เครื่องดื่ม หรือของคบเคี้ยวที่ที่มีส่วนผสมของแป้งและน้ำตาล เช่น น้ำอัดลม ขนมหวาน ขนมปัง คุกกี้ เป็นต้น ขอให้ตรวจสภาพช่องปากด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ และไปพบทันตแพทย์หรือบุคลากรทันตสาธารณสุขอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง เพื่อรับคำแนะนำในการดูแลทันตสุขภาพหรือรับการรักษา หากการดูแลรักษาสุขภาพช่องปากดีแล้วก็จะช่วยให้เรามีสุขภาพเหงือกและฟันที่แข็งแรง ทำให้การรับประทานอาหาร ช่วยในการพูดดียิ่งขึ้น และที่สำคัญจะส่งผลให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกด้วย

สุนี บุญอนันต์ นักข่าวสุขภาวะ จังหวัดเชียงราย รายงาน