ตอนที่ 68. : เวทีพลังผู้หญิงเมืองอุบล ในวาระปฏิรูปประเทศ

เมื่อต้นเดือน พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มูลนิธิพิทักษ์ธรรมชาติเพื่อชีวิต (NATURE CARE)จังหวัดอุบลราชธานี ได้จัดโครงการ เสวนา “พลัง บทบาทผู้หญิงเมืองอุบล ในวาระปฏิรูปประเทศไทย” ณ ห้องประชุมโรงแรมสุนีย์ แกรนด์ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี มีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นเวที แก่นักวิชาการ นักวิจัย นักกิจกรรมสตรีและผู้นำสตรีใน 11 สาขาอาชีพ ได้มาแบ่งปันความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับการพัฒนาสตรี เสนอความคิดเห็นต่อแนวทางสร้างเสริมบทบาทและพลังสตรี ในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ครอบครัว และสังคม สู่ข้อเสนอการปฏิรูปประเทศไทย โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ที่มา จากหน่วยงาน กลุ่มองค์กร ต่างๆ ประกอบด้วย คณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดอุบลราชธานี, ตัวแทนผู้หญิงจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น , สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ ,มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ,มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี ,หอการค้า,สภาอุตสาหกรรมจังหวัด ,สภาทนายความ,สื่อมวลชน ,นักธุรกิจ ,องค์กรพัฒนาเอกชน ,กลุ่ม ประชาสังคม ผู้นำชุมชน ผู้นำสตรี และคณะทำงานระดับพื้นที่และสมาชิกกลุ่มสตรีจาก 6 พื้นที่ ในโครงการ เข้าร่วมกิจกรรม กว่า 100 คน มี นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายนิมิต สิทธิไตรย์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ หรือ สปช.เข้าร่วมรับฟังเพื่อให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม และนำข้อคิดเห็นดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ทั้งนี้ ดิฉันเองก็มีโอกาสได้ร่วมเวทีดังกล่าว ในฐานะสตรีตัวแทนวิชาชีพสื่อมวลชน ด้วย ค่ะ

คุณผู้ฟังคะ ปัจจุบันบทบาทของผู้หญิงในสังคมไทย มีมากขึ้นทั้งในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม เนื่องจากผู้หญิง มีโอกาสได้รับการศึกษามากขึ้น ผู้หญิงมีส่วนช่วยในเรื่องหาเลี้ยงชีพและดูแลครอบครัว มีผลให้ผู้หญิงมีโอกาสได้ทํางานนอกบ้าน ซึ่งทำให้มีบทบาทและภาระเพิ่มมากขึ้น แต่ด้วยบริบทของสังคมไทยที่ยังไม่เปิดรับความเท่าเทียมของสิทธิผู้หญิง ทำให้ผู้หญิงมีได้รับผลกระทบจากสภาพแวดล้อมในการทํางานที่ไม่เหมาะสม ได้รับจ้างงานที่ไม่เป็นธรรม เป็นเบี้ยล่างทั้งในหน้าที่การงานและตําแหน่งทางสังคม ถูกเอารัดเอาเปรียบทางเพศ หรือถูกใช้เป็นเครื่องต่อรองต่อความมั่นคงในงาน รวมทั้งความเจริญก้าวหน้าในตําแหน่งหน้าที่การงาน และมักอยู่ในสภาพที่เสียเปรียบหากมีการร้องเรียนเกิดขึ้นทั้งในด้านพลังอํานาจและการต่อรอง จึงทำให้ผู้หญิงยังขาดโอกาสในการพัฒนา ขาดโอกาสในการเข้าถึงข้อมูล ข่าวสาร และทรัพยากรที่จะนำไปสู่การเสริมสร้างศักยภาพ การเสริมสร้างพลังอํานาจในการต่อรองและการแก้ปัญหาได้

มูลนิธิพิทักษ์ธรรมชาติเพื่อชีวิต หรือ NATURE CARE ได้มีการดำเนินโครงการเสริมพลังสตรีภายใต้โครงการเสริมพลังกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีจังหวัดอุบลราชธานี มาระยะหนึ่ง มีข้อค้นพบที่สำคัญว่า หากผู้หญิงมีโอกาสเข้าถึง ความรู้ ข่าวสารและทรัพยากรที่เท่าเทียมแล้ว ผู้หญิงสามารถพัฒนาตัวเองสู่การเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของสังคมอย่างรวดเร็วและเป็นรูปธรรมเชิงประจักษ์ รวมทั้งสามารถสร้างเครือข่ายผู้หญิงอย่างเข้มแข็งภายใต้ความคิดและวิธีการของความเป็นเอกลักษณ์ของผู้หญิง คือความกระตือรือร้น ความรับผิดชอบ อดทนและละเอียดอ่อน จึงมีคำถามเกิดขึ้นว่า ทำอย่างไรผู้หญิงจะมีโอกาสสร้างเสริมบทบาทและพลังของตนเองสู่การมีสิทธิและความเท่าเทียมกันในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงแห่งการปฏิรูปประเทศไทยนี้ ซึ่งจากเวทีเสวนาในครั้งนี้ มีเสียงสะท้อนจากตัวแทนผู้หญิงในสาขาอาชีพต่างๆ ว่า ปัจจุบันผู้หญิงเก่งมีมาก แต่ยังขาดการยอมรับเท่าที่ควร แม้ประเทศไทยจะให้สิทธิผู้หญิงเท่าเทียมกับผู้ชาย แต่ในทางปฏิบัตินั้นยังมีความเหลือมล้ำกันอยู่มาก สังคมไทยควรเปิดใจยอมรับการทำงานของผู้หญิงมากขึ้น โดยเฉพาะภาคการเมืองควรเปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้เข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้น ทั้งนี้ ผู้หญิงเองก็ควรมีการพัฒนาตนเองให้มีความรู้ความสามารถ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับของผู้ชายด้วยเช่นเดียวกัน

คุณผู้ฟังคะ แต่ก่อนเราอาจเคยได้ยินคำว่า ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง แต่ปัจจุบันภายใต้ความเสมอภาคชาย-หญิง ไม่ใครเป็นช้างเท้าหน้าหรือเท้าหลัง ทั้งหญิงและชาย ควรต้องเดินไปพร้อมๆกัน เพื่อสร้างครอบครัว สังคม ให้เป็นสุข ตามความรู้ความสามารถที่มี ....พบกันใหม่ สัปดาห์หน้า นิชรา บุญตะนัย ผู้สื่อข่าวสุขภาวะภาคอีสาน สานใจ สานพลัง รายงานจาก จังหวัดอุบลราชธานี ค่ะ