กลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ และเครือข่าย ประกาศเดินหน้าขอเพิ่มค่าเหมาจ่ายรายหัว ในระบบหลักประกันสุขภาพ และเรียกร้องให้สร้างความเท่าเทียมเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยายาล ระหว่าง 3 กองทุนด้านสุขภาพในประเทศ

เวทีเสวนา "ความมั่นคง ความยั่งยืน ของระบบหลักประกันสุขภาพ ต่อระบบการเงินการคลังที่เป็นธรรม เหมาะสมกับสังคมไทย " ที่นำโดยกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ชมรมเพื่อนโรคไต และเครือข่ายภาคประชาชนหลากหลายองค์กร

วิทยากร เช่นนายอัมมาร สยามวาลา สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ มองว่า ค่าใช้จ่ายในระบบหลักประกันสุขภา มักตกเป็นจำเลยว่า มีเงินไม่พอ แต่ไม่ใช่ความจริง เนื่องจาก ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของไทย คิดเป็นร้อยละ 4 ของจีดีพี ถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา สำนักงบประมาณมีการตัดเงินออกทุกปี เหมือนเป็นการแช่แข็งงบประมาณส่วนนี้ไว้ ทั้งที่มีค่าใช่จ่ายเพิ่มขึ้นประมาณปีละ 5,000 ล้านบาท

ขณะที่นายแพทย์วิโรจน์ ตั้งเจริญเสถียร ที่ปรึกษาสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า หลักประกันสุขภาพแห่งชาติของไทย ได้รับการยกย่องจากสหประชาชาติ องค์การอนามัยโลก และธนาคารโลก ให้เป็นนวัตกรรมในการดูแลสุขภาพของประชาชนที่ดี มีการใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่งในปัจจุบันสังคมไทย มีผู้ป่วยโรคที่ไม่ติดต่อเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง หากมีการยกเลิกระบบหลักประกันสุขภาพ คนไทยต้องเสียค่าใช่จ่ายในการรักษาโรคมากขึ้น ทำให้เกิดหนี้สิน สร้างความเดือดร้อนให้กับคนในครอบครัว จนกลายเป็นปัญหาเรื้อรังในสังคมไทย

ด้านตัวแทนกลุ่มคนรักหลักประกันสุขภาพ ยืนยันว่า จะเดินหน้าขอเพิ่มงบประมาณค่าใช้จ่ายรายหัว ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปี2558 กับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. โดยต้องการให้ปรับจาก 2,895 บาทต่อคนต่อปี เป็นคนละ 3,060 บาทต่อปี เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อ ที่ทำให้ค่าครองชีพเพิ่มสูงขึ้น และย้ำว่า ภาครัฐจำเป็นต้องลงทุนเรื่องสุขภาพ เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถสร้างรายได้และเสียภาษีให้กับภาครัฐได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับแนวทางการแก้ปัญหา นายแพทย์วินัย สวัสดิวร เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เห็นว่า ต้องตั้งคณะทำงานลดความเหลื่อมล้ำของ 3 กองทุน คือ ระบบสวัสดิการข้าราชการ ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า และระบบประกันสังคม เพื่อนำไปสู่การลดงบประมาณค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพลงได้

เนื่องจากปัจจุบัน 3 กองทุนมีค่าใช้จ่ายที่ไม่เท่าเทียมกัน เช่น ราคาสายสวนหัวใจ ระบบหลักประกันสุขภาพ ถูดลดราคาให้ถูกลง เหลือจากก 85,000 บาท เหลือ 17,000 บาท แต่ระบบสวัสดิการข้าราชการยังให้เบิกถึง 30,000 บาทต่อเส้น จึงเห็นว่า หากนำ 3 กองทุน มารวมกันและทำงานอย่างเป็นระบบ จะสร้างความยั่งยืนให้กับระบบหลักประกันสุขภาพได้อย่างแน่นอน