จังหวัดอุบลราชธานี แจ้งเตือนประชาชนระมัดระวังอันตรายจากโรคไข้มาลาเรีย หรือโรคไข้จับสั่น หลังพบว่า อุบลราชธานี เป็นจังหวัดที่มีรายงานการพบผู้ป่วยมากที่สุดในประเทศ และพบผู้เสียชีวิตจากโรคนี้แล้ว 1 ราย ที่ อำเภอบุญฑริก จ.อุบลราชธานี ซึ่งจากการสอบสวนโรค ทำให้ทราบว่า ในพื้นที่อำเภอบุญฑริก และอำเภอนาจะหลวย กลุ่มผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาชีพหาของป่า มีพฤติกรรมเดินทางเข้าไปในป่าลึกตามแนวชายแดน ซึ่งมียุงก้นปล่องที่เป็นพาหะนำโรคอยู่ ทำให้ถูกยุงที่มีเชื้อมาลาเรียกัด และทำให้เกิดการระบาดของโรคมาลาเรียเป็นจำนวนมาก

จากรายงานสถานการณ์โรคมาลาเรีย ของสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จ.อุบลราชธานี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 1 สิงหาคม 2557 ประเทศไทย พบผู้ป่วยแล้ว จำนวน 15,099 ราย จังหวัดอุบลราชธานี พบผู้ป่วยมากที่สุดของประเทศ จำนวน 4,019 ราย เสียชีวิต 1 ราย ที่ อำเภอบุณฑริก, จังหวัดศรีสะเกษ พบผู้ป่วย 155 ราย, มุกดาหาร จำนวน 12 ราย,อำนาจเจริญ 6 ราย, สกลนคร 5 ราย, ยโสธร 4 ราย, และจังหวัดนครพนม พบผู้ป่วย จำนวน 3 ราย
นายแพทย์ศรายุทธ อุตมางคพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จ.อุบลราชธานี กล่าวว่า ถึงแม้โรคนี้จะสามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ในกลุ่มผู้ป่วย ซึ่งมีภูมิต้านทานต่ำ จะเสี่ยงทำให้ร่างกายเกิดภาวะแทรกซ้อน เนื่องจากโรคนี้เชื้อโรคจะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดแดง หากรุนแรงจะทำให้เชื้อโรคขึ้นสมอง ประเด็นสำคัญคือ ประชาชนยัง ไม่ค่อยตระหนักถึงโรคนี้ เพราะไม่เคยมีการระบาดมาก่อน จึงไม่มีการป้องกัน เวลาเจ็บป่วยก็ไม่คิดว่ามาจากโรคมาลาเรีย จึงไม่ไปตรวจรักษา ทำให้อาการรุนแรงและเสียชีวิต ดังนั้น แนวทางการป้องกันประชาชนไม่ควรเข้าไปในป่าลึก และหลีกเลี่ยงการถูกยุงกัด ทายากันยุง สวมเสื้อผ้าหนาๆแขนยาวปกปิดใบหน้าศีรษะให้มิดชิด และงดการนอนพักแรมในป่าทึบช่วงที่มีการระบาด แต่หากจำเป็นก็ควรมีมุ้ง กันยุง หรือสุมไฟเพื่อไล่ยุงเวลากลางคืน หลังกลับจากการเข้าป่าควรสังเกตอาการของตนเอง ประมาณ 1-2 สัปดาห์ หากมีอาการนำคล้ายกับเป็นหวัด คือ มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ลักษณะของอาการไข้เรียกว่า ไข้จับสั่น คือ มีอาการหนาวสั่น ไข้สูง และตามด้วยเหงื่อออก อาการไข้แบบเป็นๆหายๆ ไข้ วันเว้นวันหรือวันเว้นสองวัน และเป็นไข้ช่วงเวลาเดิมที่เคยเป็น ก็ให้สงสัยได้เลยว่าอาจได้รับเชื้อมาลาเรีย และควรไปพบแพทย์ทันที หากมีอาการมาก และไม่มาพบแพทย์อาจทำให้เสียชีวิตได้

ทั้งนี้ สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จ.อุบลราชธานี ได้ลงพื้นที่ อำเภอบุณฑริก จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคมาลาเรีย มอบเวชภัณฑ์ให้โรงพยาบาลบุณฑริก ในการป้องกันควบคุมไข้มาลาเรีย โดยเน้น 4 มาตรการในการป้องกันที่สำคัญ คือ การให้ความรู้แก่ประชาชนในพื้นที่เรื่องการป้องกันตัวเองจากการถูกยุงก้นปล่องกัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อมาลาเรีย ,ค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกเพื่อทำการรักษาโดยเร็ว ,สนับสนุนยารักษา ยากันยุง และมุ้งชุบสารเคมี แก่หน่วยงานในพื้นที่ และ มาตรการที่สำคัญที่สุด ที่จะหยุดการระบาดของโรคมาลาเรีย คือ การลดจำนวนประชากรที่เข้าไปในป่าลึกตามแนวชายแดน โดยขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ไม่ให้เข้าไปในป่าลึก ซึ่งมียุงก้นปล่องที่เป็นพาหะนำโรคอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก

คุณผู้ฟังคะ โรคมาลาเรียป้องกันได้ ด้วยการไม่ให้ยุงก้นปล่องกัด ซึ่งยุงชนิดนี้เป็นยุงป่า จะอาศัยอยู่ในป่าลึก หลีกเลี่ยงการถูกยุงป่ากัด ด้วยการไม่เข้าไปในป่าลึก หากจำเป็นก็ควรทายากันยุง มีมุ้งกันยุง หรือสุมไฟเพื่อไล่ยุงเวลากลางคืน ค่ะ …. พบกันใหม่สัปดาห์หน้า นิชรา บุญตะนัย ผู้สื่อข่าวสุขภาวะภาคอีสาน สานใจ สานพลัง รายงานจากจังหวัดอุบลราชธานี