ปลัด สธ. ลงพื้นที่อุบลฯ บริหารจัดการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในภาวะฉุกเฉิน จากสถานการณ์ปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา15 ธันวาคม 2568

11 ธันวาคม 2568 นายณรงค์ เทพเสนา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี
ร่วมต้อนรับพร้อมรายงานสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชาต่อนพ.สมฤกษ์ จึงสมาน
ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อรับทราบสถานการณ์ในพื้นที่กรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา
และการบริหารจัดการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในภาวะฉุกเฉิน ทั้ง
ระบบส่งต่อผู้ป่วยกับโรงพยาบาลคู่บัดดี้ การจัดบริการในศูนย์พักพิง
เพิ่มประสิทธิภาพการดูแลด้วย Telemedicine และ Telepharmacy
พร้อมเสริมพลังใจบุคลากรการแพทย์และสาธารณสุขในการดูแลประชาชนอย่างเต็มที่
จากกรณีเกิดการปะทะบริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อย่างต่อเนื่องนั้น นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีความเป็นห่วงถึงการเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุขรองรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ จึงได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เพื่อรับทราบสถานการณ์จริงและสนับสนุนการบริหารจัดการด้านการแพทย์และสาธารณสุขในภาวะฉุกเฉิน

โดย จ.อุบลราชธานี
ซึ่งอยู่ในเขตสุขภาพที่ 10 มีพื้นที่บางส่วนอยู่ในเขตที่มีการปะทะ
ปัจจุบันมีโรงพยาบาลปิดบริการชั่วคราว 3 แห่ง
ได้แก่ รพ.น้ำยืน รพ.นาจะหลวย และรพ.น้ำขุ่น ส่วน รพ.สต.ปิดบริการชั่วคราว 23
แห่ง
ได้ย้ายผู้ป่วยในไปยังโรงพยาบาลในพื้นที่คู่บัดดี้แล้ว 17 ราย ได้แก่ รพ.สรรพสิทธิประสงค์ รพ.บุณฑริก รพ.พระศรีมหาโพธิ์ และ
รพ.ทุ่งศรีอุดม รวมทั้งยังกำหนดคู่โรงพยาบาลกับเขตสุขภาพที่ 8 เพื่อส่งต่อผู้ป่วย
รวมถึงสนับสนุนอัตรากำลังบุคลากรเพิ่มเติม หากสถานการณ์รุนแรงขึ้นด้วย
สำหรับศูนย์พักพิงมี 95 จุด รองรับได้ 70,886 คน มีผู้เข้าพักแล้ว 30,755 คน เป็นกลุ่มเปราะบาง 8,158 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ 5,297 คน รองลงมา คือ เด็กเล็ก 1-5 ปี 1,964 คน มีการจัดทีมปฏิบัติการด้านสุขภาพดูแล ประกอบด้วย ทีมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์ (Mini-MERT) 4 ทีม ทีมปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินระดับสูง (ALS) 6 ทีม ทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรค 18 ทีม ทีมปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินและสาธารณภัยด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม 26 ทีม และทีมช่วยเหลือทางด้านจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต 18 ทีม ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการดูแลประชาชนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะผู้ป่วยฟอกไต และให้ใช้ระบบ Telemedicine และ Telepharmacy เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง





