เกาะติดสมัชชา โต๊ะข่าวเปิดประเด็น ตรังชูโมเดล “แผนบูรณาการรองรับสังคมสูงวัย”

! Font Awesome Pro 6.0.0 by @fontawesome - https://fontawesome.com License - https://fontawesome.com/license (Commercial License) Copyright 2022 Fonticons, Inc.




จังหวัดตรังเดินหน้าขับเคลื่อนการเตรียมความพร้อมรองรับสังคมสูงวัยอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านความร่วมมือของภาคีทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จนเกิดโมเดล แผนบูรณาการรองรับสังคมสูงวัย ที่ได้รับการยอมรับในระดับประเทศ และถูกประกาศใช้เป็นคู่มือโดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น

 

ทำไมต้องเตรียมสังคมสูงวัยตั้งแต่วันนี้

อ.กรรณิการ์ บรรเทิงจิตร ผู้จัดการสำนักประสานนโยบายรองรับสังคมสูงวัย กล่าวบนเวที “Health Station Talk” ว่า ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว หากไม่เร่งวางรากฐานตั้งแต่ เด็ก เยาวชน วัยแรงงาน ไปจนถึงผู้สูงอายุ จะเกิดภาระทางสังคม เศรษฐกิจ และระบบดูแลระยะยาวที่หนักขึ้น พร้อมระบุว่า “การเตรียมพร้อมไม่ใช่เรื่องของผู้สูงอายุเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของทุกวัย หากเริ่มเตรียมเมื่ออายุถึง 60 ปีจะช้าเกินไป จึงต้องสร้างแผนและระบบรองรับตั้งแต่วันนี้


จากแนวคิดสู่การลงมือจริง : พลังภาคีร่วมขับเคลื่อน

การขับเคลื่อนเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2560 โดยสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาสังคม รวมถึงมหาวิทยาลัยและภาคศาสนาในพื้นที่

10 จังหวัดถูกคัดเลือกเป็นพื้นที่ทดลอง ธรรมนูญรองรับสังคมสูงวัย และจังหวัดตรังคือหนึ่งในพื้นที่ที่ขับเคลื่อนเด่นชัดที่สุด

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เช่น

เกิด คณะกรรมการขับเคลื่อนระดับจังหวัด

มีการจัดทำ แผนบูรณาการรองรับสังคมสูงวัย ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566–2570)

เกิดต้นแบบตำบลขับเคลื่อน 4 แห่ง ก่อนขยายเป็น 14 และเติบโตเป็น 27 อปท. ในปีล่าสุด

หน่วยงานภาคีร่วมลงนาม MOU รวมกว่า 45 องค์กร

บทบาท ท้องถิ่นจังหวัด กลไกสำคัญที่ทำให้แผนเดินหน้าได้จริง




นางลัดดาวรรณ เดชประสิทธิ์ ตัวแทนท้องถิ่นจังหวัดตรัง กล่าวบนเวทีว่า อปท. คือหน่วยงานที่ใกล้ชิดประชาชนที่สุด มีภารกิจดูแลคุณภาพชีวิต ตั้งแต่ครรภ์มารดา–สุสาน การขับเคลื่อนสังคมสูงวัยจึงต้องอาศัยท้องถิ่นเป็นผู้เชื่อมงานทุกภาคส่วน

ท้องถิ่นจังหวัดตรังจึงเข้ามาทำหน้าที่

สนับสนุนแผนและงบประมาณ

เชื่อมโยงหน่วยงานสาธารณสุข พัฒนาสังคม ชุมชน และภาคประชาชน

ติดตามผลและประเมินตนเองผ่านระบบ LPA

ผลลัพธ์คือ 4 พื้นที่ต้นแบบ ได้แก่ เทศบาลนครตรัง ตำบลโคกยาง ตำบลวังมะปราง และตำบลบ้าหวี สามารถพัฒนาแผนรองรับสังคมสูงวัยได้อย่างเป็นรูปธรรม และได้รับการประกาศเป็นต้นแบบระดับประเทศ



นายเชภาดร จันทร์หอม ตัวแทนจาก สสส. อธิบายรูปแบบการทำงานว่า การขับเคลื่อนต้องเกิดจาก “3 ภาคีสารพลัง ได้แก่

1.ท้องถิ่น (อปท.) – ล้อหน้าของระบบ

2.สาธารณสุข – ดูแลข้อมูลและการบริการสุขภาพ

3.ภาคประชาสังคม – ชมรมผู้สูงอายุ องค์กรชุมชน อสส. อพม.

ร่วมกันออกแบบตัวแบบการพัฒนาตาม 4 มิติ

สุขภาพ

เศรษฐกิจการออม

สภาพแวดล้อม

ชุมชน–สังคม


พร้อมขยายแนวคิดการเตรียมความพร้อมให้ครอบคลุมวัย 25 ปีขึ้นไป เพื่อสร้างฐานสังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพในอนาคต

วัดต้นแบบ วัดรองรับสังคมสูงวัย โมเดลใหม่ของตรัง

หนึ่งในรูปธรรมเด่นของจังหวัดตรังคือการพัฒนาวัดกว่า 20 แห่งให้เป็น วัดรองรับสังคมสูงวัย โดยปรับสภาพแวดล้อมให้เข้าถึงทุกวัย เช่น

ทางลาดสำหรับรถเข็น

ห้องน้ำปลอดภัย

พื้นที่ออกกำลังกาย

มุม “Health Station” ให้พระสงฆ์และประชาชนตรวจสุขภาพเบื้องต้นได้เอง

โมเดลนี้ช่วยเชื่อมศาสนสถานกับระบบสุขภาพและชุมชนได้อย่างเป็นรูปธรรม

จากตำบลสู่จังหวัด : ตรังประกาศ แผนพัฒนาคุณภาพชีวิตรองรับสังคมสูงวัย 5 ปี” ปี 2566 จังหวัดตรังได้ประกาศแผนระดับจังหวัดอย่างเป็นทางการ โดยตั้ง เป้าหมาย ด้านภายในปี 2570 ได้แก่

1.สุขภาพดี

2.สังคมดี

3.เศรษฐกิจดี

4.สภาพแวดล้อมดี

5.เทคโนโลยีดี


แผนนี้เกิดจากการผสานข้อมูลของสาธารณสุข พัฒนาสังคม ท้องถิ่น และภาคประชาชน จนกลายเป็น ภาพรวมเดียว ที่จังหวัดใช้เป็นกรอบพัฒนาในอนาคต

สรุป : ตรัง—จังหวัดเล็กที่สร้างตัวอย่างใหญ่ให้ประเทศ

ความสำเร็จของจังหวัดตรังเกิดจาก

การเห็นปัญหาร่วมกัน

การบูรณาการภาคีทุกภาคส่วน

การมีข้อมูลรองรับ

และการลงมือทำอย่างต่อเนื่องตลอดกว่า 8 ปี


โมเดลตรังจึงเป็นตัวอย่างสำคัญของการขับเคลื่อนสังคมสูงวัยในระดับพื้นที่ และเป็นต้นแบบที่สามารถขยายผลไปยังจังหวัดอื่นทั่วประเทศได้

 


 4 ธันวาคม 2568