เกาะติดสมัชชา โต๊ะข่าวเปิดประเด็น ตรังชูโมเดล “แผนบูรณาการรองรับสังคมสูงวัย”
จังหวัดตรังเดินหน้าขับเคลื่อนการเตรียมความพร้อมรองรับสังคมสูงวัยอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านความร่วมมือของภาคีทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จนเกิดโมเดล “แผนบูรณาการรองรับสังคมสูงวัย” ที่ได้รับการยอมรับในระดับประเทศ และถูกประกาศใช้เป็นคู่มือโดยกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
ทำไมต้องเตรียมสังคมสูงวัยตั้งแต่วันนี้
อ.กรรณิการ์ บรรเทิงจิตร ผู้จัดการสำนักประสานนโยบายรองรับสังคมสูงวัย กล่าวบนเวที “Health Station Talk” ว่า ประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างรวดเร็ว หากไม่เร่งวางรากฐานตั้งแต่ เด็ก เยาวชน วัยแรงงาน ไปจนถึงผู้สูงอายุ จะเกิดภาระทางสังคม เศรษฐกิจ และระบบดูแลระยะยาวที่หนักขึ้น พร้อมระบุว่า “การเตรียมพร้อมไม่ใช่เรื่องของผู้สูงอายุเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของทุกวัย หากเริ่มเตรียมเมื่ออายุถึง 60 ปีจะช้าเกินไป จึงต้องสร้างแผนและระบบรองรับตั้งแต่วันนี้
จากแนวคิดสู่การลงมือจริง : พลังภาคีร่วมขับเคลื่อน
การขับเคลื่อนเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2560 โดยสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาสังคม รวมถึงมหาวิทยาลัยและภาคศาสนาในพื้นที่
10 จังหวัดถูกคัดเลือกเป็นพื้นที่ทดลอง “ธรรมนูญรองรับสังคมสูงวัย” และจังหวัดตรังคือหนึ่งในพื้นที่ที่ขับเคลื่อนเด่นชัดที่สุด
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เช่น
•เกิด คณะกรรมการขับเคลื่อนระดับจังหวัด
•มีการจัดทำ แผนบูรณาการรองรับสังคมสูงวัย ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566–2570)
•เกิดต้นแบบตำบลขับเคลื่อน 4 แห่ง ก่อนขยายเป็น 14 และเติบโตเป็น 27 อปท. ในปีล่าสุด
•หน่วยงานภาคีร่วมลงนาม MOU รวมกว่า 45 องค์กร
บทบาท “ท้องถิ่นจังหวัด” กลไกสำคัญที่ทำให้แผนเดินหน้าได้จริง
นางลัดดาวรรณ เดชประสิทธิ์ ตัวแทนท้องถิ่นจังหวัดตรัง กล่าวบนเวทีว่า อปท. คือหน่วยงานที่ใกล้ชิดประชาชนที่สุด มีภารกิจดูแลคุณภาพชีวิต “ตั้งแต่ครรภ์มารดา–สุสาน” การขับเคลื่อนสังคมสูงวัยจึงต้องอาศัยท้องถิ่นเป็นผู้เชื่อมงานทุกภาคส่วน
ท้องถิ่นจังหวัดตรังจึงเข้ามาทำหน้าที่
•สนับสนุนแผนและงบประมาณ
•เชื่อมโยงหน่วยงานสาธารณสุข พัฒนาสังคม ชุมชน และภาคประชาชน
•ติดตามผลและประเมินตนเองผ่านระบบ LPA
ผลลัพธ์คือ 4 พื้นที่ต้นแบบ ได้แก่ เทศบาลนครตรัง ตำบลโคกยาง ตำบลวังมะปราง และตำบลบ้าหวี สามารถพัฒนาแผนรองรับสังคมสูงวัยได้อย่างเป็นรูปธรรม และได้รับการประกาศเป็นต้นแบบระดับประเทศ
นายเชภาดร จันทร์หอม ตัวแทนจาก สสส. อธิบายรูปแบบการทำงานว่า การขับเคลื่อนต้องเกิดจาก “3 ภาคีสารพลัง” ได้แก่
1.ท้องถิ่น (อปท.) – ล้อหน้าของระบบ
2.สาธารณสุข – ดูแลข้อมูลและการบริการสุขภาพ
3.ภาคประชาสังคม – ชมรมผู้สูงอายุ องค์กรชุมชน อสส. อพม.
ร่วมกันออกแบบตัวแบบการพัฒนาตาม 4 มิติ
•สุขภาพ
•เศรษฐกิจการออม
•สภาพแวดล้อม
•ชุมชน–สังคม
พร้อมขยายแนวคิดการเตรียมความพร้อมให้ครอบคลุมวัย 25 ปีขึ้นไป เพื่อสร้างฐานสังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพในอนาคต
วัดต้นแบบ “วัดรองรับสังคมสูงวัย” โมเดลใหม่ของตรัง
หนึ่งในรูปธรรมเด่นของจังหวัดตรังคือการพัฒนาวัดกว่า 20 แห่งให้เป็น “วัดรองรับสังคมสูงวัย” โดยปรับสภาพแวดล้อมให้เข้าถึงทุกวัย เช่น
•ทางลาดสำหรับรถเข็น
•ห้องน้ำปลอดภัย
•พื้นที่ออกกำลังกาย
•มุม “Health Station” ให้พระสงฆ์และประชาชนตรวจสุขภาพเบื้องต้นได้เอง
โมเดลนี้ช่วยเชื่อมศาสนสถานกับระบบสุขภาพและชุมชนได้อย่างเป็นรูปธรรม
จากตำบลสู่จังหวัด : ตรังประกาศ “แผนพัฒนาคุณภาพชีวิตรองรับสังคมสูงวัย 5 ปี” ปี 2566 จังหวัดตรังได้ประกาศแผนระดับจังหวัดอย่างเป็นทางการ โดยตั้ง เป้าหมาย 5 ด้านภายในปี 2570 ได้แก่
1.สุขภาพดี
2.สังคมดี
3.เศรษฐกิจดี
4.สภาพแวดล้อมดี
5.เทคโนโลยีดี
แผนนี้เกิดจากการผสานข้อมูลของสาธารณสุข พัฒนาสังคม ท้องถิ่น และภาคประชาชน จนกลายเป็น “ภาพรวมเดียว” ที่จังหวัดใช้เป็นกรอบพัฒนาในอนาคต
สรุป : ตรัง—จังหวัดเล็กที่สร้างตัวอย่างใหญ่ให้ประเทศ
ความสำเร็จของจังหวัดตรังเกิดจาก
•การเห็นปัญหาร่วมกัน
•การบูรณาการภาคีทุกภาคส่วน
•การมีข้อมูลรองรับ
•และการลงมือทำอย่างต่อเนื่องตลอดกว่า 8 ปี
โมเดลตรังจึงเป็นตัวอย่างสำคัญของการขับเคลื่อนสังคมสูงวัยในระดับพื้นที่ และเป็นต้นแบบที่สามารถขยายผลไปยังจังหวัดอื่นทั่วประเทศได้

