สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะแบบมีส่วนร่วมสุขภาวะเขตเมืองพื้นที่ 5 จังหวัดปริมณฑล (นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร) ณ โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต จ.ปทุมธานี โดยมีกลุ่มสมัชชาสุขภาพจาก 5 จังหวัดปริมณฑลเข้าร่วมประชุม

เป้าหมายหลักของการจัดประฃุมในครั้งนี้ เพื่อทบทวนสถานการณ์สุขภาวะในพื้นที่ 5 จังหวัดังกล่าว ติดตามกระบวนการขับเคลื่อนงาน การจัดตั้งกลไกขับเคลื่อนประเด็นให้เกิดการแลกเปลี่ยนสถานการณ์ รวมไปถึงเพื่อวางกรอบทิศทางและแนวทางสนับสนุนการดำเนินงานการขับเคลื่อนงานพัฒนานโยบายสาธารณะในพื้นที่ ปี 2569

นพ.อภิชาติ รอดสม รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ต้องการให้เครือข่ายสมัชชาทั้ง 5 จังหวัดปริมณฑลได้มาพูดคุยกันในเรื่องทิศทางการทำงานในจังหวัด ทั้งในปัจจุบันและในปี 2569 ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการกระตุ้นกิจกรรมของสมัชชาจังหวัดให้รื้อฟื้นขึ้นมา วันนี้กลุ่มตัวแทนของ 5 จังหวัดได้มาพูดคุยกัน เพื่อจะมาคิดร่วม มีความฝันร่วมกันว่าจะทำเรื่องอะไรในต่อไปเกี่ยวกับปัญหาด้านสุขภาวะทั้งหลาย เช่น ปัญหาสังคมสูงวัย ปัญหาเด็ก ปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรังและปัญหาอื่นๆ เพื่อสานพลังเครือข่ายร่วมกัน

ในขณะที่นายเตชิต ชาวบางพรหม ผู้อำนวยการสำนักนโยบายสาธารณะเขตเมือง สช. กล่าวว่า กรุงเทพฯอาจเป็นพื้นที่ทำงานของคนที่อยู่ทั้งนนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ซึ่งพื้นที่เหล่านี้มีความเชื่อมโยงมีความติดต่อกันเป็น Mega City เพราะฉนั้นกระบวนการนโยบายสาธารณะจึงน่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการที่จะพัฒนานโยบายในระดับเขตเมือง เพื่อเป็นการอุดช่องว่างบางอย่างที่ภาครัฐของแต่ละจังหวัดเองไม่สามารถทำได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคประชาสังคมเข้ามาทำงานร่วมกัน

นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการพัฒนาระบบสุขภาพ (สำนัก 7) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้มีส่วนสำคัญอย่างมากเพราะทำให้เกิดการมีส่วนร่วมในระดับพื้นที่ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้การขับเคลื่อนการสร้างสุขภาพให้มีความเข้มแข็งขึ้น มากกว่าการซ่อมแซมสุขภาพที่รอให้เจ็บป่วยแล้วเกิดการรักษา โดยปัญหาปัจจุบันนี้มีการปเลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดทั้งความเป็นสัมคมเขตเมือง มีสังคมสูงอายุ ทำให้โรคไม่ติดต่อเรื้อรังทั้งหลายเป็นมากขึ้น ซึ่งมาจากพฤติกรรม มาจากสิ่งแวดล้อมที่มีสินค้าอาหารที่บริโภคแล้วไม่ดีต่อสุขภาพ รวมถึงปัจจัยเสี่ยงอื่นๆที่เราสามารถจัดการร่วมกันได้

ทางด้าน ดร.ประเสริฐ เล็กสรรเสริญ ประธานสมัชชาสุขภาพจังหวัดนนทบุรี กล่าวว่า ปัญหาที่คนนนท์กำลังประสบอยู่นั้นมีหลายรูปแบบ ซึ่งปัญหาที่พวกเราเผชิญอย่างมากและต้องการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาคือปัญหาผู้สูงอายุ ปัญหาโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง รวมถึงปัญหาเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชน หรือแม้แต่ปัญหาด้านสุขภาพจิตและยาเสพติดก็ยังมีสูงอยู่เนื่องจากเป็นพื้นที่เขตเมือง อีกทั้งปัญหาสิ่งแวดล้อมก็มีด้วยเช่นกัน

นายประกาศ เปล่งพานิช ประธานสมัชชาสุขภาพจังหวัดปทุมธานี กล่าวว่า ประเด็นหลักที่สมัชชาสุขภาพจังหวัดปทุมธานีใช้ในการขับเคลื่อนในปัจจุบันถึงอนาคต คือการเตรียมพร้อมรับสังคมสูงวัย ซึ่งขณะนี้เรามี 25 ธรรมนูญสุขภาพครอบคลุมทั้ง 7 อำเภอ และในขณะเดียวกันเรายังมีแนวทางที่จะขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพที่เป็นภาพของอำเภอด้วย รวมทั้งการพัฒนานโยบายสาธารณะด้านสังคมสูงวัยระดับจังหวัด

นายธนชัย เรืองชัยสิทธิ์ ว่าที่ประธานสมัชชาสุขภาพจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า เป้าหมายของการเข้ามาร่วมประชุมในครั้งนี้เพื่อวางแผนวาระใหม่ของสมัชชาสุขภาพจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งในส่วนของโครงการและกิจกรรมให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายมากยิ่งขึ้น ความตั้งใจคืออยากดึงทุกส่วนทุกภาควัย รวมถึงการเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐ ท้องถิ่น ภาคประชาสังคมให้เข้ามามีส่วนร่วมในจังหวัดสมุทรสาคร

ผศ.ดร.อาภา ภัคภิญโญ สมัชชาสุขภาพจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า สำหรับจังหวัดนครปฐมมีผู้สูงอายุเป็นจำนวนมาก ดังนั้นสิ่งที่พวกเราต้องทำก็คือต้องเริ่มเตรียมการตั้งแต่วัยเด็ก คือเด็กเกิดมาจะต้องมีคุณภาพ ต้องรู้จักการออม ต้องรู้จักการกินและดูแลสุขภาพ เมื่อเขาดูแลสุขภาพได้ก็จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ไม่ลำบากเมื่อถึงวัยสูงอายุ ดั้งนั้นจังหวัดนครปฐมจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินการรองรับสังคมสูงวัยใน 4 มิติ คือ สุขภาพ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคมชุมชน

นางอังคณา ขาวเผือก สมัชชาสุขภาพจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า ประเด็นที่สมัชชาสุขภาพจังหวัดสมุทรปราการขับเคลื่อนเป็นหลัก ได้แก่ประเด็นสิ่งแวดล้อมว่าด้วยเรื่องคนละคลอง อาหารปลอดภัย การลดอุบัติเหตุ ซึ่งเรื่องที่พวกเราคิดว่าประสบความสำเร็จคือประเด็นเรื่องคนละคลอง การแก้ไขปัญหาคลองสวยน้ำใส โดยวันนี้เครือข่ายคนละคลองสามารถประสานเครือข่ายภาคีทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมมาร่วมกันแก้ไขเรื่องนี้ได้ และเรื่องการแก้ปัญหาอุบัติเหตุบนสะพานภูมิพล

ในโอกาสการจัดประชุมครั้งนี้ ยังได้เปิดเวทีให้สมัชชชาสุขภาพ 5 จังหวัดปริมณฑล ระดมความคิดเห็นการพัฒนาและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะระดับพื้นที่ ปี 2569 พร้อมทั้งนำเสนอการพัฒนากลไกขับเคลื่อนงานพัฒนานโยบายสาธารณะ ปี 2569 อีกด้วย