มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ร่วม กทม. เดินหน้ายกระดับ “กรุงเทพฯ เมืองปลอดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า” เตรียมจัด Workshop แลกเปลี่ยนบทเรียนระดับอาเซียน

! Font Awesome Pro 6.0.0 by @fontawesome - https://fontawesome.com License - https://fontawesome.com/license (Commercial License) Copyright 2022 Fonticons, Inc.



“ผู้ว่าฯ ชัชชาติ” เอาจริง เตรียมยกเครื่องกลไกการบังคับใช้กฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ เล็งออกเทศบัญญัติ ตั้งหน่วยงาน-จนท. ดูแลเฉพาะ เอาอย่างฟิลิปปินส์ ยกระดับคุ้มครองสุขภาพชาวกรุง-นักท่องเที่ยวเพื่อ “เมืองสุขภาพดี”

เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 68 ที่ผ่านมา มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ร่วมกับ กองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข นำโดย ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ , นพ.ชยนันท์ สิทธิบุศย์ ผู้อำนวยการกองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ และ นพ.อนุตรศักดิ์ รัชตะทัต รองผู้อำนวยการกองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ เข้าพบ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อหารือการยกระดับกรุงเทพมหานครเมืองปลอดบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า และหารือแนวทางการจัด Workshop แลกเปลี่ยนบทเรียนการทำเมืองปลอดบุหรี่ บทเรียนความสำเร็จจากเมืองอิโลอิโล ประเทศฟิลิปปินส์ เมืองปลอดบุหรี่ที่ได้รับรางวัล ASEAN Smoke-free Award 2024 ซึ่งกรุงเทพมหานครรับเป็นเจ้าภาพในการประสานการจัดงาน รวมไปถึงการสนับสนุนประเด็นรณรงค์เรื่องบ้านปลอดบุหรี่ ร่วมกับสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร


ด้าน ศ.นพ ประกิต วาทีสาธกกิจ ผู้ทรงคุณวุติคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ กล่าวว่า ควันบุหรี่เป็นมลพิษที่อันตรายต่อสุขภาพที่สำคัญสุดในอาคาร ซึ่งทั่วโลกได้ออกกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ เพื่อปกป้องและคุ้มครองสิทธิที่จะมีสุขภาพดีของคนที่ไม่สูบบุหรี่ ในหลายเมือง เช่น ฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน, เมืองดาเวา และเมืองอิโลอิโล ฟิลิปปินส์ มีการจัดตั้งหน่วยงานที่มีเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะเป็นการเฉพาะ ขณะที่ไทย แม้มีกฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในสถานที่สาธารณะตั้งแต่ปี 2535 แต่การบังคับใช้กฎหมายยังมีจุดที่ต้องปรับปรุง โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ที่มีสถานที่สาธารณะที่หลากหลายจำนวนมาก และมีคนสูบบุหรี่ถึง 1.2 ล้านคน ยังไม่นับนักท่องเที่ยวเฉพาะปี 2567 ที่มีถึง 32.4 ล้านคน ในจำนวนนี้ มี 1 ใน 5 คนเป็นคนสูบบุหรี่
“ที่ประชุมมีมติว่า กทม. จะเชิญทีมนายกเทศมนตรีเมืองอิโลอิโล ประเทศฟิลิปปินส์และทีมงาน มาแบ่งปันประสบการณ์ในการออกเทศบัญญัติจัดตั้งหน่วยงาน พร้อมอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ประมาณ 20 คน เพื่อบังคับใช้กฎหมายห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ และกฎหมายควบคุมยาสูบอื่น โดยเมืองอิโลอิโลมีประชากรเกือบ 5 แสนคน ทั้งนี้ เมื่อปี 2552 ผมได้เคยพาคณะจากสำนักงานควบคุมยาสูบ กรมควบคุมโรค และเจ้าหน้าที่ กทม. ไปดูงานที่เมืองดาเวา ฟิลิปปินส์ ที่มีนายโรดริโก โรอา ดูเตอร์เต เป็นนายกเทศมนตรี ซึ่งต่อมาในปี 2559 นายดูเตอร์เต ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีฟิลิปปินส์” ศ.นพ ประกิต กล่าว

ศ.นพ ประกิต กล่าวต่อว่า อนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบขององค์การอนามัยโลกมาตรา 8 ว่าด้วยการปกป้องจากควันบุหรี่ระบุว่า “ควันบุหรี่มือสองเป็นสารก่อมะเร็ง ไม่มีระดับที่ปลอดภัยจากการได้รับควันบุหรี่มือสอง” และ “การที่จะบรรลุสิทธิที่จะมีชีวิตและสิทธิที่จะบรรลุมาตรฐานสุขภาพที่ดีที่สุด เป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน” ประเทศสมาชิกมีพันธะผูกพันที่ต้องทำให้มั่นใจได้ว่าจะคุ้มครองสุขภาพของประชาชนจากอันตรายของควันบุหรี่มือสองในที่สาธารณะ ที่ทำงาน ยานพาหนะ และสถานที่อื่น ๆ โดยไม่มีข้อยกเว้น
“ขอบคุณท่านผู้ว่าฯ ชัชชาติ ที่ให้ความสำคัญในการคุ้มครองสุขภาพของชาวกรุงเทพฯ จากอันตรายของควันบุหรี่มือสองและหวังว่าการดำเนินงานของ กทม. ในเรื่องนี้ จะเป็นตัวอย่างให้จังหวัดอื่น ๆ นำไปปฏิบัติเพื่อปกป้องคนไม่สูบบุหรี่จากอันตรายของควันบุหรี่ ไอบุหรี่ไฟฟ้ามือสองต่อไป” ศ.นพ. ประกิต กล่าว

 8 ตุลาคม 2568