“สช.” ติวเข้มสื่อสุขภาวะรุ่นใหม่ 35 สถาบันการศึกษาอีสานตอนบน ร่วมรณรงค์ลดพยาธิใบไม้ตับ–มะเร็งท่อน้ำดี
สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) จับมือ สสส., สถาบันวิจัยมะเร็งท่อน้ำดี มข. และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ จัดอบรมเชิงปฏิบัติการสื่อสุขภาวะรุ่นใหม่กว่า 100 คน จาก 35 สถาบันการศึกษาในอีสานตอนบน หวังสร้างแกนนำเยาวชนขับเคลื่อนการสื่อสาร ลดพฤติกรรมเสี่ยงการติดพยาธิใบไม้ตับและโรคมะเร็งท่อน้ำดี
เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2568 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่นรายงานว่า ที่ห้องประชุมเรือนนภาลัย โรงแรมราชาวดี รีสอร์ท แอนด์ โฮเทล จังหวัดขอนแก่น นายสุทธินันท์ บุญมี คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการ “สื่อสุขภาวะรุ่นใหม่ในสถาบันการศึกษาภาคอีสานตอนบน กับนวัตกรรมการสื่อสารรณรงค์เพื่อการเปลี่ยนแปลง” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18–20 กันยายน 2568 โดยมีนพ.วรัญญู สัตยวงศ์ทิพย์ รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ, รศ.ดร.วัชรินทร์ ลอยลม รักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันวิจัยมะเร็งท่อน้ำดี มหาวิทยาลัยขอนแก่น,นายดนัย หวังบุญชัย ผู้จัดการแผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สสส.,นายจักรรินทร์ สีมา / ผู้ชำนาญการ สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ (สย.) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ,น.ส.ยุวลักษณ์ เหมะวิบูลย์ หัวหน้ากลุ่มงานสื่อสารสังคม สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สช.,นายชูชาติ ตรีรัถยานนท์ชูชาติ ตรีรัถยานนท์ ผู้ชำนาญการด้านสื่อสารสังคม สช. คณะวิทยากรจาก สช.และนักเรียนสายสามัญ สายวิชาชีพ และนักเรียน นักศึกษากว่า 100 คน จาก 35 สถาบันการศึกษาเข้าร่วม
นายสุทธินันท์ บุญมี คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ในฐานะประธานจัดอบรมครั้งนี้ กล่าวว่า เรื่องของพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี เราพบว่าเป็นปัญหามานานแล้วและยังไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งในฐานะ สช.มีหน้าที่ร่วมงาน ประสานงานหรือสานพลัง วันนี้จึงได้ร่วมกันจัดงานขึ้นโดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเยาวชน ให้มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี การป้องกัน การตัดวงจรพยาธิ สร้างความรู้ด้านเครื่องมือการสื่อสารต่างๆ สำหรับออกไปเผยแพร่ให้กับตัวเอง ครอบครัว เพื่อนๆในสถานศึกษา รวมถึงพี่น้องในชุมชน เพื่อตัดวงจรพยาธิใบไม้ตับให้ได้
“เมื่อลูกหลานเรามีความรู้แล้ว มีการพัฒนาด้านการสื่อสารสมัยใหม่ เชื่อว่าลูกหลานเราก็จะไปบอกครอบครัว ไปบอกเพื่อน ไปบอกชุมชน ทำให้พฤติกรรมการกินของเด็กรุ่นใหม่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้สามารถควบคุมพยาธิใบไม้ตับได้” นายสุทธินันท์ กล่าว
ด้าน นพ.วรัญญู สัตยวงศ์ทิพย์ รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานสุขภาพแห่งชาติได้ร่วมกับแผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สสส. เพื่อให้ความรู้ด้านวิชาการในการผลิตสื่อและกลยุทธ์ในการทำสื่อเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมให้กับกลุ่มเยาวชน ครู นักเรียน
“ภาคอีสานตอนบน ขอนแก่น อุดรฯ และหลายจังหวัดปัญหาใหญ่ก็คือพยาธิใบไม้ตับที่มักเกิดจากการทานอาหารสุกๆดิบๆ ที่ชัดเจนมากคือปลาดิบ ดังนั้นทำอย่างไรให้โรคนี้หมดไปเพราะมันจะกลายเป็นมะเร็งท่อน้ำดีในอนาคต การสร้างสื่อจึงสำคัญมากที่จะรณรงค์ให้ความรู้สำหรับประชาชน วันนี้ดีใจที่เยาวชนมากันคับคั่งก็หวังว่าจะได้ผลในการกระจายความรู้ให้กับกลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องในอนาคตต่อไป” นพ.วรัญญู กล่าว
ในขณะที่ รศ.ดร.วัชรินทร์ ลอยลม รักษาการแทนผู้อำนวยการสถาบันวิจัยมะเร็งท่อน้ำดี กล่าวถึงสถานการณ์พยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีว่า สถานการณ์ของผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีในภาคอีสานถือว่ายังไม่ดีขึ้น ซึ่งมีผู้ป่วยใหม่ของโรคนี้ในภาคอีสานประมาณปีละ 10,000 คน จากจำนวน 20,000 รายในทั่วประเทศ เขตที่มีจำนวนคนไข้สะสมเป็นอันดับ 1 คือเขต 8 รองลงมาคือเขต 7 , 9 และ 10 ตามลำดับ ถ้าดูจากสถิติแล้วถ้าผู้ป่วยไม่ได้เข้ารับการรักษาเลยก็จะเสียชีวิตภายในเวลา 1 ปี ดังนั้นในทั่วประเทศมีผู้เสียชีวิตจากมะเร็งท่อน้ำดีปีละ 20,000 ราย
“ถ้าเราลดอัตราผู้ป่วยมะเร็งท่อน้ำดีให้น้อยกว่า 30 หรือ 25 % ตามนโยบายของกระทรวงสาธารณะสุขคือ 1 % จนไม่เป็นปัญหา เราก็คาดหวังว่าอีก 10 – 20 ปีข้างหน้าก็จะเห็นตัวเลขผู้ป่วยมะเร็งท่องน้ำดีลดลง” รศ.ดร.วัชรินทร์ กล่าว
ทางด้าน ดร.ดนัย หวังบุญชัย ผู้จัดการแผนงานสื่อศิลปวัฒนธรรมสร้างเสริมสุขภาพ สสส. และคณะทำงานด้านการสื่อสาร สช. กล่าวถึงแผนการจัดอบรมครั้งนี้ว่า เราจะติดตั้งชุดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องสถานการณ์และปัจจัยเสี่ยงของพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดี ซึ่งน้องๆเองที่เป็นเยาวชนนั้นก็มีความเสี่ยงด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราอยากจะทำให้น้องๆเยาวชนเป็นแกนนำที่จะออกแบบเรื่องการสื่อสารที่ตระหนักรู้และเฝ้าระวังถึงความเสี่ยงและพิษภัยของมะเร็งท่อน้ำดีและพยาธิใบไม้ตับ น้องๆควรต้องเริ่มต้นจากตัวเอง ขณะเดียวกันเราจะติดตั้งชุดความรู้ด้านการทำสื่อรณรงค์
“จะทำอย่างไรเพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยง ความเสี่ยงทั้งตัวเองและกลุ่มเป้าหมายที่พวกเขาจะสื่อสารด้วยนั้นเขาควรต้องวางแผนอย่างไร สื่อไหนที่เข้าถึง ลักษณะเนื้อหาสารแบบไหนถึงจะเข้าถึง ต้องทำต่อเนื่องไหมเป็นรูปแบบอย่างไรที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริง เพราะว่าการทำแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ขาดความต่อเนื่องหรือไม่ทำร่วมกัน บางทีก็จะทำให้ประเด็นเนื้อหาสื่อนั้นคลาดเคลื่อนและหายไป” ดร.ดนัย กล่าว
สำหรับการจัดอบรมสร้างสื่อสุขภาวะรุ่นใหม่ภาคอีสานตอนบนในครั้งนี้ มีทั้งนักเรียนสายสามัญ สายวิชาชีพ และนักศึกษาจากหลายสถาบันศึกษาเข้าร่วมมากว่า 100 คน ซึ่งมีทั้งการอบรมการสร้างสรรค์นวัตกรรมการสื่อสารรณรงค์เพื่อการเปลี่ยนแปลงจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อ รวมทั้งกิจกรรม work shop เพื่อออกแบบและพัฒนานวัตกรรมการสื่อสารรณรงค์เพื่อการเปลี่ยนแปลง เรื่องการกำจัดปัญหาพยาธิใบไม้ตับและมะเร็งท่อน้ำดีในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 7 และ 8
นายหมวดตรีชูไทย วงศ์บุญมี/รายงาน/นายธาระวี ไกรราชดี/น.ส.อุมาพร โพธิ์สุดตา/ข่าว/ทีมงานสื่อสุขภาวะเพื่อประชาชน กขป.เขต 7