กขป. 10 ระดมเครือข่ายภาคอีสานใต้ ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ "การใช้ยาอย่างสมเหตุผล"
อุบลราชธานี – เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2568 ณ โรงแรมสุนีย์แกรนด์ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี คณะกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน เขตพื้นที่ 10 (กขป. 10) จัดการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสรุปบทเรียน เพื่อขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาจังหวัดใช้ยาอย่างสมเหตุผลและการจัดการการดื้อยาต้านจุลชีพ (RDU & AMR) โดยมีผู้แทนจาก 4 จังหวัดในเขตสุขภาพที่ 10 ได้แก่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ และยโสธร เข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธาน กขป. 10 ได้กล่าวเปิดงาน โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานแบบบูรณาการ “สามเหลี่ยมเขยื้อนภูเขา” ที่ต้องอาศัยการร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ใช่เพียงบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น โดยชี้ให้เห็นว่าปัญหาการใช้ยาไม่สมเหตุผลเป็นเรื่องซับซ้อนและต้องใช้ “พื้นที่เป็นตัวตั้ง” เนื่องจากแต่ละพื้นที่มีความแตกต่างกัน การสร้างองค์ความรู้และการรับรู้ร่วมกันจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อนำไปสู่การผลักดันเชิงนโยบายสาธารณะ
ประธาน กขป. 10 ยังได้ให้ข้อคิดที่น่าสนใจว่า ปัญหาการทำงานในสังคมมักเกิดจากการขัดแย้งกัน “ถ้ามัวแต่เถียงกันปัญหาไม่จบ” การนำข้อมูลและองค์ความรู้มาสังเคราะห์เพื่อให้เกิดการยอมรับจึงเป็นหนทางแก้ปัญหาที่ยั่งยืน พร้อมทั้งยกตัวอย่างยาทำลายไตที่พบได้บ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุ เช่น ยาชุดและยาแก้ปวดผสมสเตียรอยด์ ซึ่งก่อให้เกิดการดื้อยาและติดเชื้อได้ง่าย และทิ้งท้ายด้วยแนวทางการทำงานสู่ความสำเร็จ 3 ประการคือ 1. รู้ปัญหา 2. รู้แล้วทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง 3. กล้าทำอย่างยั่งยืน
ผลงานเด่นและปัญหาที่ท้าทายในแต่ละพื้นที่
* จังหวัดศรีสะเกษ: ภญ.มัลลิกา สุพล หัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคฯ สสจ.ศรีสะเกษ เผยว่าศรีสะเกษเป็นจังหวัดที่มีความโดดเด่นในการขับเคลื่อน RDU และได้รับโล่เชิดชู "พลังขับเคลื่อน RDU ประเทศไทย" อย่างไรก็ตาม ปัญหาการใช้ยาปฏิชีวนะในแผลสด โรคท้องเสีย และไข้หวัดยังคงมีอยู่ในบางโรงพยาบาลและ รพ.สต. นอกจากนี้ ยังพบปัญหาการซื้อขายยาในช่องทางออนไลน์ ซึ่งควบคุมได้ยากกว่าร้านค้าทั่วไป และการจำหน่ายยาเกินกรอบในคลินิกและร้านยา
* จังหวัดอุบลราชธานี: มีการใช้ โปรแกรม G-RDU ตรวจสอบร้านชำ และยังคงพบยาอันตราย เช่น ยาปฏิชีวนะและสเตียรอยด์ ซึ่งสอดคล้องกับข้อสังเกตของ จ.ศรีสะเกษ ที่พบการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ความงามและยาในร้านค้าประเภท "ทุกอย่าง 20 บาท" ที่ขาดการรับรองมาตรฐาน
* จังหวัดอำนาจเจริญ: ตัวแทนจาก รพ.สต.วินัยดี นำเสนอการใช้ "ศูนย์วิทยาการแพทย์ชุมชน" และ "คลินิกรุ่งอรุณ" เป็นเครื่องมือขับเคลื่อน พร้อมใช้มาตรการทางสังคมควบคุมรถเร่ขายยา โดยมี อสม. เป็นกำลังสำคัญในการสำรวจและรายงานผล
* จังหวัดยโสธร: ตัวแทนจาก รพ.ปทุมราชวงศา เผยแนวคิด “วัดรู้ค่า ใช้ยาพอเพียง” โดยใช้ศาสนสถานเป็นศูนย์กลางในการให้ความรู้ อย่างไรก็ตาม ยังพบว่ายาปฏิชีวนะและยาสำหรับโรค NCDs ยังคงมีจำนวนมากในตู้ยาตามวัด ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการบริจาคในชุดสังฆทาน
สรุปสถานการณ์และข้อเสนอแนะร่วมกัน
ภาพรวมของทั้ง 4 จังหวัดยังคงเผชิญปัญหาคล้ายคลึงกัน ได้แก่ การขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องกฎหมายและยาอันตรายของผู้ประกอบการ, การเข้าถึงสื่อและข้อมูลของประชาชนที่ยังไม่ทั่วถึง, การบังคับใช้กฎหมายที่ยังไม่เข้มข้น และการขาดความร่วมมือจากภาคประชาชนในการใช้มาตรการทางสังคม
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมได้ชี้ให้เห็นถึงทางออกที่สำคัญ นั่นคือการ "สร้างองค์ความรู้" ให้ประชาชนอย่างทั่วถึง เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนในระยะยาว
#รายงานโดย: นายสมศักดิ์ รัฐเสรี
#สื่อสุขภาวะเขต 10