
“แม่น้ำกกไม่ใช่ของใครคนเดียว: สช. และสมัชชาเชียงรายล้านนา ผนึกกำลังฟื้นฟูแม่น้ำแห่งชีวิต”7 สิงหาคม 2568
สช. ร่วมกับภาคีสมัชชาเชียงรายล้านนาฯ จับมือแก้ไขปัญหามลพิษแม่น้ำกกอย่างยั่งยืน
เชียงราย - จากสถานการณ์การปนเปื้อนของสารหนูและสารตะกั่วในแม่น้ำกก ซึ่งส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อสุขภาพของประชาชน วิถีชีวิต และระบบเศรษฐกิจในพื้นที่ จังหวัดเชียงรายได้มีการรวมตัวของภาคส่วนต่างๆ เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ
ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ได้ร่วมกับสมัชชาเชียงรายล้านนาแห่งความสุข จัดเวทีพัฒนานโยบายสาธารณะเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษในแม่น้ำกก สายรวก และแม่น้ำโขง โดยมีผู้เข้าร่วมกว่า 60 คน ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ นักวิชาการ และแกนนำชุมชน
โดยในช่วงเช้าได้มีการลงพื้นที่ตำบลแม่ยาว นำโดยนายสุทธิพงษ์ วสุโสภาพล รองเลขาธิการ คสช. นายทรงพล ตุละทาและนายบัณฑิต มั่นคง ผู้เชี่ยวชาญ สช. ร่วมกับผู้นำท้องถิ่นและแกนนำจังหวัด ASA. ซึ่งเป็นตำบลแม่ยาวเป็นตำบลแรกที่รับน้ำกกจากจังหวัดเชียงใหม่ มีข้อห่วงกังวลจากชุมชนที่สำคัญได้แก่ น้ำดื่มน้ำใช้ไม่ปลอดภัย การทำมาหากินในแม่น้ำกกทำไม่ได้ การท่องเที่ยวชุมชน เช่น แพ เรือ ช้าง ที่นักท่องเที่ยวหายเกือบหมด วิถีชีวิตในการใช้น้ำในกิจกรรมต่างๆ ปัญหาสุขภาพจิตจากข่าวและผลกระทบที่เกิดขึ้น
ในช่วงบ่ายได้มีการนำเสนอผลการศึกษาวิจัยและเก็บตัวอย่างจากนักวิชาการหลายท่าน ซึ่งชี้ให้เห็นถึงแหล่งกำเนิดมลพิษที่มาจากกิจกรรมเหมืองแร่ในประเทศเมียนมาที่ไม่มีระบบบำบัดน้ำเสียที่เหมาะสม โดยเวทีนี้ได้สรุปประเด็นหลักที่นำไปสู่ข้อเสนอเชิงนโยบาย 5 ข้อ ได้แก่ การจัดการต้นตอปัญหา, การประเมินและติดตามผลกระทบด้านสุขภาพ (HIA), การพัฒนาศักยภาพชุมชน, การจัดตั้งศูนย์นโยบายสาธารณะ, และการประสานความร่วมมือและการสื่อสารระหว่างเครือข่ายต่างๆ
นายสุทธิพงษ์ วสุโสภาพล รองเลขาธิการ สช. ได้เน้นย้ำถึงบทบาทของ สช. ในฐานะ “โซ่ข้อกลาง” ที่จะหนุนเสริมการขับเคลื่อนใน 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่:
1. การใช้เครื่องมือ HIA: สนับสนุนให้มีการใช้เครื่องมือประเมินผลกระทบทางสุขภาพเพื่อรวบรวมข้อมูลอย่างเป็นระบบ และจัดทำแผนที่ข้อมูลและแผนที่ความเสี่ยงของชุมชนริมฝั่งแม่น้ำ
2. การสร้าง "ธรรมนูญแม่น้ำกก": หนุนเสริมกระบวนการทำงานร่วมกับองค์กรชุมชนเพื่อสร้างกติกาและข้อตกลงร่วมกันในการเฝ้าระวังและบริหารจัดการผลกระทบด้วยตนเอง
3. การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้เครือข่าย: สนับสนุนให้องค์กรภาคประชาชนมีศักยภาพในการประสานงานและให้ความรู้กับชุมชนได้อย่างเข้มแข็ง
การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเปลี่ยนจากการเรียกร้องแบบแยกส่วน มาเป็นการวางยุทธศาสตร์ร่วมกันอย่างเป็นระบบ ทั้งในเชิงโครงสร้าง (การตั้งศูนย์ตรวจและศูนย์ประสานงาน) และในเชิงกระบวนการ (การใช้ HIA และการสร้างธรรมนูญชุมชน) เพื่อมุ่งสู่การแก้ไขปัญหามลพิษในแม่น้ำกกอย่างยั่งยืน.