สสจ.ห่วง"ไข้เลือดออก-มือเท้าปาก"ระบาดชายแดน ป่วยกว่า 2 พันราย

วันที่ : 2013-07-29 11:27:53

อัพโหลดโดย : เว็บมาสเตอร์

หมวดหมู่ : 1-ข่าวสารน่ารู้

จำนวนผู้ชม : 35660

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ที่ จ.นครพนม สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคระบาด ยังพบว่า มีโรคไข้เลือดออกและโรคมือเท้าปากระบาดต่อเนื่อง โดยจากข้อมูลของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนมพบว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม 2556 ถึงปัจจุบัน มียอดผู้ป่วยไข้เลือดออกแล้ว จำนวน 2,449 ราย อายุระหว่าง 5-30 ปี แยกเป็นเพศชาย จำนวน 1,206 ราย เพศหญิง จำนวน 1,243 ราย เสียชีวิตแล้ว 1 ราย ส่วนโรคมือเท้าปากพบว่า ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงปัจจุบัน มีผู้ป่วยแล้ว 127 ราย เป็นเพศชาย 70 ราย เพศหญิง 57 ราย อายุระหว่าง 3-7 ขวบ ซึ่งทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนมได้ร่วมกับหน่วยงานในสังกัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเฝ้าระวังหาทางป้องกันต่อเนื่อง


นายแพทย์พีระ อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออก ปัจจุบันเริ่มลดความรุนแรงลงแล้ว หลังจากมีการแพร่ระบาดมาต่อเนื่องและรุนแรงมากกว่าทุกปี ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาในพื้นที่ จ.นครพนมมีผู้ป่วยประมาณสัปดาห์ละ 100 คน และเกิดขึ้นกับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ อำเภอที่มีการแพร่ระบาดสูง คือ อำเภอเมือง อำเภอธาตุพนมและอำเภอเรณูนคร โดยทาง สสจ.นครพนม ได้เพิ่มความเข้มในการเฝ้าระวังป้องกัน ด้วยการใช้มาตรการ 3-3-1 คือ ให้ทุกพื้นที่รายงานทันทีเมื่อพบผู้ป่วยภายใน 3 ชั่วโมง ก่อนออกระดมหาทางป้องกันควบคุมภายใน 3 ชั่วโมงและออกพ่นหมอกควัน ภายใน 1 วัน ที่จะเป็นการเร่งควบคุมป้องกันไม่ให้แพร่ระบาดรุนแรง และขอความร่วมมือประชาชนช่วยกำจัดลูกน้ำยุงลายต่อเนื่อง


"ส่วนปัญหาเรื่องโรคมือเท้าปาก ยังคงต้องเฝ้าระวังควบคุมต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งนครพนมพบผู้ป่วยแล้วกว่า 100 ราย ส่วนใหญ่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ โดยได้ระดมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบดุแลตามศูนย์เลี้ยงเด็กทุกแห่ง กำชับให้มีการควบคุมเรื่องความสะอาด ให้มีการทำความสะอาด สื่อการเรียน การสอน ของเล่น ห้องน้ำทุกวัน เป็นการควบคุมป้องกัน นอกจากนี้ ทางสำนักงานสาธารณสุข จ.นครพนมยังคงประกาศเตือนประชาชน รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่คอยดูแลควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออก โรคมือเท้าปาก รวมถึงโรคไข้หวัดใหญ่และโรคไข้หวัดนก อย่างเข้มข้น เนื่องจาก จ.นครพนมเป็นจังหวัดชายแดน ที่จะต้องมีการควบคุมป้องกันเข้มงวด เพราะมีการเดินทางเข้าออกตามแนวชายแดนทุกวันและให้โรงพยาบาลชายแดนทุกแห่งตรวจคัดกรอง เมื่อพบผู้ป่วยโรคที่เฝ้าระวัง

ที่มา : มติชนออนไลน์