เมื่อวันที่ 14-16 ธันวาคมที่ผ่านมา โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นได้ทำการผ่าตัดผู้ป่วยโรคต้อกระจกจำนวน 25 ราย หลังการผ่าตัดพบมีผู้ป่วยตาอักเสบ 2 ราย ทางโรงพยาบาลจึงได้ดำเนินการเรียกตัวผู้ที่ได้รับการผ่าตัดทั้งหมดกลับมา ตรวจ พบผู้ป่วยมีอาการตาอักเสบอีก 9 ราย รวมเป็น 11 ราย ในเบื้องต้นแพทย์ได้รีบส่งตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษาต่อที่ รพ.ศรีนครินทร์ ม.ขอนแก่นและ รพ.เมตตาประชารักษ์ แพทย์ระบุว่าผู้ป่วยตาต้อกระจกติดเชื้อมาค่อนข้างรุนแรง 7 ราย และมี 2 รายติดเชื้อรุนแรงถึงขั้นต้องผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อตาหรือควักลูกตาออก และต้องเสียลูกตาหรือตาบอด เนื่องจากการอักเสบรุนแรงเกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อผู้ป่วย ส่วนอีก 5 รายนั้น ก็รุนแรงเช่นกันแพทย์ต้องผ่าตัดเอาหนองออกและขูดเนื้อเยื่อตาบางส่วนออก ซึ่งทั้ง 5 รายนั้นก็ตาบอดเช่นเดียวกัน ขณะที่ผู้ป่วยอีก 4 รายนั้นมีอาการดีขึ้นและแพทย์ได้อนุญาตให้กลับบ้านได้

หลังจากพบว่าผู้ป่วยติดเชื้อหลังจากได้รับการผ่าตัดออกไป ทางโรงพยาบาลได้มีมติให้หยุดการผ่าตัดตาและปิดห้องผ่าตัดเป็นการชั่วคราว เพื่อฆ่าเชื้อ โดยมอบหมายให้คณะกรรมการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อในโรงพยาบาลและผู้ที่ เกี่ยวข้องดำเนินการในการตรวจหาที่มาของเชื้อด้วย

นายแพทย์ วีระพันธ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขอนแก่น ชี้แจงเพิ่มเติมว่า สาเหตุการติดเชื้อครั้งนี้ น่าจะเป็นการติดเชื้อขณะผ่าตัด เป็นเชื้อแบคทีเรียทที่ชื่อ “ซูโดโมแนส ออรูจิโนซ่า” แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่ามาจากไหน อาจมีอยู่ทั่วไป เมื่อติดเข้าไปในแผลตาที่ผ่าตัด จึงทำให้ตาอักเสบรุนแรงจนผู้ป่วยตาบอดในที่สุด

ทางโรงพยาบาลขอนแก่นได้แสดงความรับผิดชอบ โดยผู้ป่วยที่ตาอักเสบที่อยู่ระหว่างการรักษาและผู้ป่วยที่ต้องสูญเสียลูก ตา-ตาบอดนั้น ทางโรงพยาบาลก็จะรับผิดชอบช่วยเหลือกรณีได้รับความเสียหายจากบริการทาง สาธารณสุข ตามมาตรา 41 ตามเกณฑ์กรณีพิการหรือสูญเสียอวัยวะรายระ 120,000 บาท และ 50,000 บาท ตามลำดับ และในผู้ป่วยที่ได้รับการติดเชื้อรวมถึงบุคคลที่ต้องสูญเสียลูกตาและตาบอด ทางโรงพยาบาลก็จะดูแลรักษาให้ถึงที่สุดจนกว่าลูกตาจะหายดี หรือจัดหาตาเทียมมาใส่ให้

การรักษาผู้ป่วยตาที่ผ่านมา ของโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น ก็ดูแลรักษามาด้วยดีตลอด และน้อยมากที่จะมีเรื่องลักษณะแบบนี้ขึ้น หรือแทบจะไม่มีเลย ซึ่งจากสถิติการรักษาที่ผ่านมา ผู้ป่วย 2,000 ราย จะมีตาอักเสบถึงขั้นรุนแรงตาบอดเพียง 1-2 รายเท่านั้น ซึ่ง1-2 ราย ก็มีอาการตาอักเสบรุนแรงมาแล้วก่อนเข้ารับการรักษาจึงทำให้ตาบอด เรื่องที่เกิดขึ้นแม้จะยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าเชื้อมีที่มาจากไหน แต่ก็สร้างความหวั่นวิตกแก่ผู้ป่วยและบรรดาญาติในการเข้ารับการรักษา แม้ที่ผ่านมาจะมีการดูแลรักษาผู้ป่วยมาอย่างดีโดยตลอด แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ โรงพยาบาลอาจสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาประชาชน จึงถือเป็นบทเรียนเพื่อให้ทางโรงพยาบาลได้แก้ไขปรับปรุงมาตรฐานการรักษาให้ ดีขึ้นต่อไป เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย
ข้อมูลจาก อิสระโพสต์