นักวิจัยระบบหลักประกันสุขภาพ ระบุ ในทศวรรษที่ผ่านมา หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของไทยได้รับการชื่นชมจากนานาชาติ แต่ก้าวต่อไปเรียกร้องให้ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ลดความขัดแย้งระหว่างองค์กร และร่วมกันพัฒนาคุณภาพการรักษาให้ดีกว่าเดิม เพื่อรองรับปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้น

ในงานประชุมวิชาการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในทศวรรษที่สอง นพ.สัมฤทธิ์ ศรีธำรงสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยเพื่อการพัฒนาหลักประกันสุขภาพไทย ซึ่งทำวิจัยและประเมินผลการดำเนินการของระบบหลักประกันสุขภาพในช่วง 10 ปีที่ผ่าน กล่าวว่า แม้ประเทศไทยจะประสบความสำเร็จในการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า จนได้รับการชื่นชมนานาชาติ และยกให้เป็นกรณีศึกษาสำหรับประเทศกำลังพัฒนา

แต่ก้าวต่อไปจากนี้หลังทำให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้อย่างทั่วถึงแล้ว จะต้องพัฒนาคุณภาพการรักษาให้ดีขึ้น โดยกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จะต้องลดความขัดแย้ง และหันมาร่วมมือกันทำตามนโยบายของรัฐบาล

พร้อมทั้งสร้างมาตรการในการรองรับปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้น และส่งผลกระทบต่อคุณภาพการรักษาของผู้ป่วยในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น ปัญหาเรื่องอัตรากำลังคน ที่จะทวีความรุนแรงมากขึ้นในอีก 3 ปีข้างหน้า หลังก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน รวมถึงการเดินหน้านโยบายเมดิเคิลฮับของรัฐบาล

ส่วนแนวคิดที่ในการกลับมาเรียกเก็บค่าบริการ 30 บาทอีกครั้งนั้น ผู้อำนวยการสำนักงานวิจัยเพื่อการพัฒนาหลักประกันสุขภาพไทยเห็นว่า รัฐบาลจะต้องอธิบายเหตุผลที่ชัดเจนในกลับมาเรียกเก็บค่าบริการกับประชาชน เพราะเงิน 2,000 ล้านบาทที่จะได้จากการเรียกเก็บนั้นไม่ได้มากพอ สำหรับการนำไปพัฒนาคุณภาพการรักษา หรือ เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับประชาชนได้

ที่มา ก้าวต่อไปของระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า ไทยพีบีเอส