Sub Navigation Links

webmaster's News

สช. จับมือภาคีเครือข่าย เร่งเดินหน้ามติสมัชชาสุขภาพ สกัดท้องก่อนวัย



สช. จับมือภาคีเครือข่าย เร่งเดินหน้ามติสมัชชาสุขภาพ สกัดท้องก่อนวัย



 สช. เร่งขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ แก้ปัญหาท้องไม่พร้อมในวัยรุ่น หลังพบไทยติดอันดับ ๕ ท้องก่อนวัยในประชาคมอาเซียน กรมสุขภาพจิตจับมือชุมชน โรงเรียน โรงพยาบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในพื้นที่จังหวัดหวังลดตัวเลขท้องไม่พร้อมลง ๑๐% ขณะที่พัฒนาสังคมฯ เร่งรณรงค์ปรับทัศนคติวัยรุ่นและเยียวยาแม่วัยทีน ขณะที่ชาวอุดรธานีเปิดเวทีสมัชชาสุขภาพอุดรธานีระดมพลังลดปัญหา หลังปี ๒๕๕๔ แนวโน้มดี พบอัตราการคลอดของแม่วัยรุ่นลดลงแล้ว ๕%
      เมื่อวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) จัดเวที สช. เจาะประเด็นครั้งที่ ๑/๒๕๕๘  “สานพลังสังคม...สกัดท้องวัยทีน" ณ ห้องประชุมสานใจ อาคารสุขภาพแห่งชาติ เพื่อรายงานความก้าวหน้าของฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างสำคัญในการขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๓ พ.ศ.๒๕๕๓ เรื่อง “การแก้ปัญหาวัยรุ่นไทยกับการตั้งครรภ์ที่ไม่พร้อม”
น.ส.อินฐิรา สายสิญจน์ นักพัฒนาสังคมชำนาญการ สำนักคุ้มครองสวัสดิภาพหญิงและเด็ก กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดข้อมูลจากสถิติสุขภาพโลก  ๒๐๑๓  ขององค์การอนามัยโลก พบว่า ไทยมีอัตราการคลอดบุตรของวัยรุ่นระหว่าง ๑๕-๑๙ ปี ต่อหญิงวัยเดียวกัน ๑,๐๐๐ คน อยู่ที่ ๔๗ คน จัดอยู่ในอันดับที่  ๕  ในกลุ่มประเทศประชาคมอาเซียน แต่ก็ยังมีข้อมูลในทางที่ดีของสำนักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ที่พบว่า แม้ อัตราการคลอดบุตรของวัยรุ่นอายุระหว่าง ๑๕-๑๙ ปี จะมีแนวโน้มสูงขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๔๖ ถึงปี ๒๕๕๐ แต่หลังจากหลายภาคส่วนร่วมมือแก้ปัญหาอย่างจริงจัง พบสัดส่วนลดลงจากอัตรา ๔๖.๖๐ ปี ๒๕๕๔ เหลือ  ๔๑.๕๔  ในปี ๒๕๕๖
     พม. เห็นว่าปัญหาเด็กและเยาวชนมีสาเหตุที่หลากหลาย อาทิ ปัญหาครอบครัวที่ขาดการสื่อสารที่ถูกต้อง สื่อและเทคโนโลยีที่เข้าถึงได้โดยง่าย สภาพแวดล้อม รวมถึงปัญหาการพฤติกรรมเสพติด  ๓  ประการ ได้แก่  การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร การติดยาเสพติด และการติดความรุนแรงในหมู่วัยรุ่น
    พบปัญหาสำคัญจากการขาดวินัยในตนเองของเด็ก ไม่เคารพกติกาของสังคม รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขาดวุฒิภาวะ ปี ๒๕๕๖ พม. จึงจัดทำโครงการ “เสริมสร้างคุณภาพเด็กไทยมีวินัยอย่างสร้างสรรค์” เน้นให้ความรู้เยาวชนในสถานศึกษา ๔๐ โรงเรียนใน ๔ ภาค ให้มีส่วนร่วมรณรงค์ โดยคัดเลือก “ดีเจทีน” ไปร่วมจัดรายการกับดีเจต้นแบบที่มีชื่อเสียงผ่านสถานีวิทยุ ๔ ภาค เพื่อให้เยาวชนได้พูดคุยแนะนำวิธีการป้องกันตนเองจากปัญหากับเพื่อนในวัยเดียวกัน รวมถึงผู้ปกครองที่รับฟังรายการ เป็นโครงการที่มุ่งปลูกจิตสำนึก เปลี่ยนเจตคติ เสริมสร้างวินัยให้เด็กไทยมีพฤติกรรมที่เหมาะสม มีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยลดการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่นได้
     ในปี  ๒๕๕๘ จะมุ่งเน้นสร้างเครือข่ายการทำงานให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมขับเคลื่อนและมีบทบาทป้องกันปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในวัยรุ่นมากขึ้น โดยจัดทำโครงการเสริมสร้างบทบาทผู้นำทางความคิดแก่ผู้นำสตรี ผู้นำชุมชน  รวมถึงการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ “เพื่อนช่วยเพื่อน”  เพื่อให้ความรู้แก่เยาวชนในกรณีเพื่อนมีปัญหาและมาปรึกษา ย้ำวัยรุ่นที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์หรือคลอดบุตรแล้ว แต่ไม่สามารถเลี้ยงดูบุตรได้ สามารถฝากให้หน่วยงานของ พม. คือ บ้านพักเด็กและครอบครัว ที่มีอยู่ทุกจังหวัดให้ช่วยดูแลให้จนกว่ามารดาวัยรุ่นมีความพร้อมก่อนมารับกลับไปดูแล
    ด้าน พญ.พรรณพิมล วิปุลากร รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต เปิดเผยว่า ช่วง ๔ ปีที่ผ่านมา กรมสุขภาพจิตได้ดำเนินมาตรการเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาใน ๓ ส่วน คือระบบโรงเรียน ชุมชน และปรับปรุงการบริการที่เป็นมิตรสำหรับวัยรุ่น โดยมีเป้าหมายทั้งในเชิงป้องกันและแก้ไข เพื่อให้เข้าถึงปัญหาได้รวดเร็วก่อนที่เด็กจะตั้งครรภ์หรือตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์อย่างไม่มีคุณภาพ หรือเลือกทิ้งลูกไป
      “การตั้งครรภ์ของสตรีในช่วงอายุน้อย ส่งผลกระทบสุขภาพของแม่และเด็ก อีกทั้งยังมีผลต่อคุณภาพชีวิตของแม่วัยรุ่น ส่วนเด็กเกิดใหม่ก็ต้องอยู่ในภาวะเสี่ยง เนื่องจากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยข้อจำกัด ถ้าสังคมไทยปล่อยให้ปัญหานี้ผ่านไป เท่ากับทุกคนกำลังรอรับคนรุ่นใหม่ที่เกิดจากการส่งต่อปัญหาจากรุ่นสู่รุ่น”
     กรมสุขภาพจิตดำเนินโครงการหลักโดยร่วมกับโรงเรียนต่างๆ ปรับการเรียนการสอนเรื่องเพศศึกษา อบรมและทำกิจกรรมร่วมกับผู้ปกครองให้เข้าใจเรื่องเพศในวัยรุ่น และสื่อสารกับบุตรหลานอย่างถูกวิธี และยังได้ผลักดันโครงการ “๑ โรงพยาบาล ๑ โรงเรียน” เพื่อส่งต่อเด็กที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อมให้มีทางเลือก ทั้งยุติการตั้งครรภ์ หรือตั้งครรภ์ต่อ โดยได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง และจะเจาะกลุ่มโรงเรียนสายอาชีพ อาทิ อาชีวศึกษา จากเดิมมุ่งเน้นโรงเรียนมัธยม เนื่องจากพบว่าเป็นอีกกลุ่มที่มีความเสี่ยงตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พร้อมไปกับขับเคลื่อนร่วมกับชุมชนและภาคประชาสังคมจัดโครงการอำเภอสุขภาพ มุ่งทำกิจกรรมกับเด็กเยาวชนกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่นอกระบบโรงเรียนและกลุ่มพ่อแม่ในชุมชน
      ในปี ๒๕๕๘ นี้ การดำเนินงานจะเน้นเจาะกลุ่มพื้นที่มากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากแต่ละพื้นที่มีอัตราการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นต่อประชากรแตกต่างกัน บางพื้นที่มีสัดส่วนสูงกว่าค่าเฉลี่ยประเทศหรือ  ๗๕ คนต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน ซึ่งต้องทำมาตรการเข้มข้น บางพื้นที่มีสัดส่วน ๕๐ คน หรือ ๒๐ คน ซึ่งต้องเน้นมาตรการเฝ้าระวัง เป็นต้น โดยมีเป้าหมายให้แต่ละพื้นที่ลดสัดส่วนการท้องในวัยรุ่นลงร้อยละ ๑๐ ภายในปี ๒๕๖๘
     นางเพ็ญศิริ ศรีจันทร์ นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี ผู้แทนสมัชชาสุขภาพจังหวัดอุดรธานี กล่าวว่า จังหวัดอุดรธานีเคยมีปัญหาการตั้งครรภ์วัยรุ่นในอันดับต้น โดยในปี ๒๕๕๖ มีสัดส่วนแม่วัยรุ่นที่อยู่ในช่วงอายุ ๑๕-๑๙ ปี จำนวน ๕๙ คนจากประชากร ๑,๐๐๐ คน ปี ๒๕๕๗ ลดเหลือ ๕๔ คนต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน และคาดว่าในปี ๒๕๕๘ จะเหลือประมาณ ๓๙ คนต่อประชากร ๑,๐๐๐ คน เป็นผลมาจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนในการปัญหา เพื่อแก้ปัญหาสังคมและหยุดวงจรความเสี่ยง เนื่องจากแม่วัยรุ่นมักถูกจับแต่งงาน มีโอกาสไปสู่ปัญหาหย่าร้าง และเข้าสู่แรงงานที่ไม่มีคุณภาพเพราะไม่มีโอกาสเรียนต่อ เกิดปัญหาเศรษฐกิจตามมา เสี่ยงเข้าสู่การค้าประเวณี เอดส์ ยาเสพติด และสร้างปัญหาอื่นๆ ในสังคม ส่วนเด็กเกิดใหม่ที่เติบโตในครอบครัวที่ไม่มีความพร้อมก็มีความเสี่ยงจะเข้าสู่วงจรเดียวกับพ่อแม่
     “กระบวนการสมัชชาสุขภาพ ทำให้เกิดพื้นที่และกลไกการทำงานของเครือข่ายหลากหลายภาคส่วนทั้งฝ่ายรัฐ วิชาการ ชุมชน และท้องถิ่นในพื้นที่ จากมติการแก้ปัญหาวัยรุ่นไทยกับการตั้งครรภ์ไม่พร้อมในสมัชชาสุขภาพแห่งชาติตั้งแต่ปี ๒๕๕๓ ได้มีการขับเคลื่อนลงสู่ระดับจังหวัด โดยในปี ๒๕๕๖ สมัชชาสุขภาพจังหวัดอุดรธานีก็ได้นำประเด็นสุขภาวะเด็กและเยาวชน ซึ่งครอบคลุมเรื่องแม่วัยรุ่น เข้าพิจารณาหาทางออกร่วมกันด้วย และก่อให้เกิดการดำเนินงาน ติดตาม และประเมินผลอย่างต่อเนื่อง”
    ที่ผ่านมาจังหวัดอุดรธานีจัดกระบวนการแก้ปัญหา โดยจัดทำยุทธศาสตร์ ๕ ด้าน โดยวิเคราะห์จากปัจจัย ๕ ด้านประกอบด้วย ๑.ปัจจัยแวดล้อมเด็ก คือ ครอบครัว ชุมชน และโรงเรียน ๒.ตัวเด็ก โดยพุ่งเป้าสื่อสารใหม่ในเรื่องเพศศึกษา ๓.แก้ไขพฤติกรรมเสี่ยง ๔.ผลกระทบต่อสุขภาพ และ ๕.ผลกระทบสืบเนื่อง โดยมีการติดตามและประเมินผลการทำงานพร้อมกันด้วย
    สำหรับการเรียนรู้เรื่องเพศนั้น ทำทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียน มุ่งเน้นให้เด็กมีความรู้และมีทักษะในการดูแลตัวเองให้ปลอดภัย และเข้าถึงการบริการสุขภาพได้อย่างรวดเร็วด้วย ขณะเดียวกันก็มีการเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ให้ผู้ใหญ่ในตำบลปรับวิธีคิดและสื่อสารเรื่องเพศในวัยรุ่นใหม่ เพื่อให้เด็กและผู้ใหญ่เข้าใจกันมากขึ้น
    ขณะที่ น.ส.จิตติมา ภาณุเตชะ ผู้จัดการแผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง กล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาตั้งครรภ์ในวัยรุ่นได้รับความสนใจจากหลายส่วน และรัฐก็มีนโยบายที่ชัดเจนในการแก้ไขเรื่องนี้ แต่ในทางปฏิบัติ แต่ละหน่วยงานยังต่างทำหน้าที่ หน่วยงานที่ทำในเชิงป้องกันและแก้ไขยังไม่ไปในทิศทางเดียวกัน และยังไม่ได้มองไปที่เป้าหมายเดียวกันที่ตัวเด็ก
     ทั้งนี้ หน่วยงานที่เน้นทำเชิงป้องกัน ยังมีทัศนคติเดิมๆ ว่าเด็กที่พลาดเป็นเด็กใจแตก ทำให้เด็กไม่กล้า ที่จะเดินไปขอความช่วยเหลือ ดังนั้น ผู้ทำงานเชิงป้องกันต้องเปลี่ยนมุมมองว่าการผิดพลาดเกิดขึ้นได้ เพื่อให้เด็กกล้ามาปรึกษาในทุกเรื่อง เช่น อาจปรึกษาตั้งแต่มีผู้ชายมาจีบ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยหยุดยั้งความรุนแรงของปัญหา และช่วยหยุดยั้งการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นได้ ขณะเดียวกันต้องให้เด็กเรียนรู้เรื่องเพศ (literacy) มุ่งเน้นให้ฉลาดรู้เรื่องเพศ เท่าทันเรื่องเพศ ไม่เน้นการข่มขู่
      สำหรับการทำงานของมูลนิธิฯ พยายามสร้างสะพานข้ามข้อจำกัด มุ่งปรับทัศนคติของบุคคลที่เกี่ยวข้องให้เห็นว่าเพศในวัยรุ่นเป็นเรื่องธรรมชาติ และเด็กไม่ใช่ตัวปัญหา แต่เป็นผู้ประสบปัญหาที่ต้องการความช่วยเหลือ ขณะเดียวกันมูลนิธิฯ ยังเน้นทำงานเชื่อมโยงเครือข่ายและบูรณาการการทำงานทั้งในระดับครอบครัว ชุมชน และหน่วยงานให้บริการให้เด็กเข้าถึงได้อย่างครบวงจร

Facebook

เข้าสู่ระบบ to rate

อันดับความนิยม:

อัพโหลดโดย:  webmaster

วันที่อัพโหลด:  13th Feb 15

จำนวนผู้ชม:  35677

ความคิดเห็น:  0

ข่าวที่ชื่นชอบ:  0

หมวด:   ข่าวสารน่ารู้

แจ้งข่าวไม่เหมาะสม

ชื่นชอบ

ส่งอีเมล์ถึ่งเพื่อน

๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝวท๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝวข๏ฟฝอง