Sub Navigation Links

webmaster's News

ทางแพร่งปฏิรูปวังวนปัจจัยรุนแรง



ทางแพร่งปฏิรูปวังวนปัจจัยรุนแรง



กระบวนการปฏิรูปที่ประชาชนทั้งประเทศ มีส่วนร่วมเป็นการปลดปล่อยประชาชนออกจากคุกแห่งมายาคิตินั้นไปสู่ความมี เกียรติมีศักดิ์ศรีมีศักยภาพ"ประเทศที่คนส่วนใหญ่ไม่มีเกียรติเป็นประเทศที่ อ่อนแอไม่มีภูมิคุ้มกันในตัว"ศ.นพ.ประเวศว่า "คนทั้งประเทศต้องมีเกียรติมีศักดิ์ศรีประเทศจึงจะแข็งแรง"
          “ปฏิรูปไม่สำเร็จ บ้านเมืองรุนแรง กว่าเดิม” เป็นประโยคเปิดประเด็นของ ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส
          “การ ปฏิรูปประเทศไทย”...เป็นการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยขั้นพื้นฐาน เพื่อให้ประเทศไทยหลุดออกจากสภาวะวิกฤติไปสู่ความเจริญที่แท้จริง จึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญสูงสุด แต่ก็ยากสุดๆ
          ศ.นพ.ประเวศ ย้ำว่า ถ้าปฏิรูปไม่สำเร็จบ้านเมืองคงจะเกิดความรุนแรงกว่าเดิม เพราะปัจจัยที่ก่อให้เกิดความรุนแรงในปี 2553 และ 2556 ถึง 2557 ยังอยู่ครบทุกอย่าง จึงควรที่ทุกภาคส่วนในสังคมไทยจะร่วมกันในกระบวนการปฏิรูปให้สำเร็จ
          คำถามมีว่า...ปัจจัยของความสำเร็จอยู่ที่ไหน
          หนึ่ง...พลังทางสังคม คือการมีส่วนร่วมของคนทั้งประเทศ หรือการสานพลัง
          สอง...พลัง ทางปัญญา คือใช้ข้อมูล ความรู้ การวิเคราะห์สังเคราะห์ให้เป็นปัญญาที่ลึกซึ้งใช้การได้ สาม...พลังการสื่อสาร ให้ทุกภาคส่วนของสังคมเข้าใจตรงกันและมีส่วนร่วม สี่...พลังการจัดการ มีการจัดการที่ดีให้พลังทางสังคม พลังทางปัญญา พลังทางการสื่อสาร เกิดขึ้นอย่างเหมาะสมและเชื่อมโยงกัน
          นอก เหนือไปจากสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แล้ว ควรมีองค์ประกอบและกระบวนการอื่นที่เชื่อมโยงกัน ซึ่งรวมกันแล้วมีดังนี้ สปช. ซึ่งทำงานเชื่อมโยงกับ สนช. ครม. และ คสช.
          “สภาพลเมือง” ประกอบด้วยผู้ที่ได้รับเสนอชื่อเป็น สปช. แล้วไม่ได้รับเลือก บุคคลเหล่านี้จำนวนมากมีคุณค่า มีความสนใจที่จะทำงานเพื่อบ้านเมืองไม่ควรทิ้งให้สูญเปล่า ควรจัดตั้งเป็นสภาพลเมืองเพื่อมีส่วนร่วมในการปฏิรูป อาจมีบุคคลทั่วไปที่สนใจเข้าร่วมด้วย สภาพลเมืองควรเป็นสภาเปิดที่มีพลเมืองเข้าร่วมตามความสมัครใจ
          ถัดมา “สมัชชาปฏิรูปจังหวัด” เป็นการจัดประชุมผู้นำชุมชนท้องถิ่นและประชาคมในจังหวัดแต่ละจังหวัด เพื่อการมีส่วนร่วมในการปฏิรูปจากชุมชนท้องถิ่นทั่วประเทศ...ประชาคมจังหวัด คุ้นเคยกับกระบวนการสมัชชาสุขภาพจังหวัด และสมัชชาปฏิรูปอยู่แล้ว องค์กรที่เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมสมัชชาสุขภาพจังหวัด ก็คือสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.)
          ส่วนองค์กรที่เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมสมัชชาปฏิรูปคือ สำนักงานประสานการพัฒนาสังคมสุขภาวะ (สปพส.) ซึ่งก็อยู่ใน สช. องค์กรนี้สามารถช่วยจัดสมัชชาปฏิรูปจังหวัดได้
          โครงการ Inspiring Thailand : 100 โครงการเปลี่ยนประเทศไทย ภายใต้ความร่วมมือระหว่าง สสส. กับ สภาหอการค้าไทย เพื่อชักชวนคนไทยทั่วประเทศเข้าร่วมในกระบวนการเปลี่ยนประเทศไทย
          โครงการ นี้ประชาชนทั่วประเทศ ควรมีส่วนร่วมโดยการสื่อสารไปมาอย่างทั่วถึง พร้อม คณะทำงานวิชาการ ที่เข้มแข็ง สนับสนุนกระบวนการปฏิรูปโดยเชื่อมโยงทุกฝ่ายด้วยข้อมูลความรู้ สังเคราะห์ข้อคิดเห็นที่หลากหลายออกมาเป็นประเด็นสำหรับพิจารณาต่อ หรือ เป็นข้อมติ ประสานงานให้มีการวิจัยเพิ่มเติม
          ศ.นพ.ประเวศ บอกว่า งานวิชาการสำหรับการปฏิรูปเป็นเรื่องยาก ต้องการนักวิชาการที่เก่งจริงๆและมีประสบการณ์ในการสังเคราะห์นโยบาย ควรแสวงหาจากนักวิชาการที่เคยร่วมในกระบวนการสมัชชาสุขภาพ และสมัชชาปฏิรูป สปช. และสภาพลเมือง ควรมีคณะทำงานวิชาการชุดเดียวกันทำหน้าที่สนับสนุน และคณะทำงานวิชาการนี้เชื่อมโยงกับคณะทำงานการสื่อสารเพื่อการปฏิรูป
          จิ๊ก ซอว์ที่สำคัญ คณะทำงานการสื่อสารเพื่อการปฏิรูป จะต้องทำการสื่อสารให้รู้ถึงกันและระหว่างกันอย่างทั่วถึงทุกองค์ประกอบทั้ง ประเทศ โดยขอให้หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ สถานีวิทยุ โทรทัศน์ทุกแห่ง เป็นสื่อกลางรวบรวมความคิดเห็นของประชาชนทั้งประเทศ...สื่อไปถึงประชาชนทั้ง ประเทศ รวมทั้งการสื่อสารออนไลน์ มีการจัดหมวดหมู่ความคิดเห็นของประชาชน กระจายไปสู่การรับรู้อย่างทั่วถึง รวมทั้งประเด็นที่ได้มาจากการประชุม สปช. สภาพลเมือง สมัชชาจังหวัด หรือจากอื่นใด เพื่อการศึกษาเพิ่มเติมต่อยอด
          ทั้งหมด เหล่านี้จะเป็น “การเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติ” ของคนทั้งประเทศ ซึ่งควรทำด้วยความเคารพให้เกียรติกันและกัน กระบวนนี้จะสร้างพลังอย่างมหาศาลให้ประเทศไทย
          ประเด็นสำคัญอยู่ที่การถักทอพลังทุกฝ่ายเข้ามาด้วยกัน
          ทั้ง ภาคประชาชน ชุมชนท้องถิ่น ประชาคม ภาควิชาการ ภาคธุรกิจ ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ เจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งพลเรือนและทหาร ภาคการสื่อสาร อย่างไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย ครม. และ คสช. ต้องอำนวยให้กระบวนการสานพลังของคนทั้งชาติเพื่อการปฏิรูปครั้งนี้เป็นไปได้
          ใน ระบบราชการตามปกติมีข้อติดขัดมากมายทั้งข้อกฎหมาย กฎระเบียบ วิธีการ งบประมาณ จนนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจมากคนหนึ่งเคยตะโกนขึ้นว่า “กลุ้มใจฉิบหายเลยโว้ย ทำไอ้โน่นก็ไม่ได้ ทำไอ้นี่ก็ไม่ได้” ในครั้งนี้ ครม. คสช. ต้องใช้อำนาจบริหารและอำนาจพิเศษที่รัฐธรรมนูญให้ไว้แก้ไขข้อติดขัดให้ทำให้ ได้
          “การถักทอกันทางสังคม ทำให้เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เป็นไปได้...การใช้โอกาสแห่งการปฏิรูปก่อให้เกิดการถักทอหรือสานพลังกันทั้ง ประเทศ ดังที่เสนอไว้นี้ จะทำให้ประเทศไทยเกิดพลังมหาศาล เพราะอาศัยหลักความคิดใหญ่ คือ...คนไทยทุกคนมีศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ และมีศักยภาพแห่งความสร้างสรรค์”
          แต่ไหนแต่ไรมา คนไทยถูกมายาคติต่างๆจำขังไว้ในคุกที่มองไม่เห็น ภาษาฝรั่งเรียกว่า...“The invisible prison” ทำให้ไม่มีเกียรติ ไม่มีศักดิ์ศรี ไม่มีศักยภาพ
          กระบวนการ ปฏิรูปที่ประชาชนทั้งประเทศมีส่วนร่วมเป็นการปลดปล่อยประชาชนออกจากคุกแห่ง มายาคตินั้น ไปสู่ความมีเกียรติมีศักดิ์ศรีมีศักยภาพ
          “ประเทศ ที่คนส่วนใหญ่ไม่มีเกียรติเป็นประเทศที่อ่อนแอ ไม่มีภูมิคุ้มกันในตัว” ศ.นพ.ประเวศ ว่า “คนทั้งประเทศต้องมีเกียรติมีศักดิ์ศรี ประเทศจึงจะแข็งแรง”
          การเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติเป็นการ เรียนรู้ที่สำคัญที่สุด การที่คนไทยทั้งประเทศมีโอกาสเรียนรู้ร่วมกันในการปฏิบัติในการปฏิรูปประเทศ จึงเป็นเรื่องที่สร้างพลัง 5 อย่าง หรือ “เบญจพละ” เข้ามาบรรจบกันเป็นพลังมหาศาล คือ ข้อที่ 1 พลังทางสังคม ที่คนทั้งหมดเข้ามาร่วมกัน ข้อที่ 2 พลังทางปัญญา มีการใช้ข้อมูลความรู้ การวิเคราะห์ สังเคราะห์ ให้เป็นปัญญาที่สูงขึ้น ข้อที่ 3 พลังทางการจัดการ
          ข้อ ที่ 4 พลังของความถูกต้อง คือเพื่อให้ประเทศพ้นวิกฤติไปสู่ความเจริญอย่างแท้จริง และ ข้อที่ 5 พลังแห่งสันติวิธี ไม่ได้ใช้ปืน หรือเอ็ม 79 ไปยิงใส่ใครที่ไหน
          กระบวนการ ถักทอกัน...จะทำให้เกิดความเชื่อถือไว้วางใจกัน (Trust) ซึ่งมีค่ามากที่เงินหมื่นล้านแสนล้านก็ซื้อไม่ได้ แต่เกิดจากการทำงานร่วมกัน เมื่อเกิดความเชื่อถือไว้วางใจกันจะเกิดความสุขอย่างลึกซึ้ง
          และมีพลังของความสำเร็จสูง
          กระบวนการ ถักทอกับปฏิรูปประเทศไทยในครั้งนี้ จะทำให้สังคมไทยค้นพบโครงสร้างการทำงานแบบใหม่ที่ก้าวข้าม (Transcend) อุปสรรคของความเป็นรัฐ ข้าราชการไทย ที่เป็นประดุจภูเขาที่ขวางกั้นการพัฒนาประเทศไทยมาช้านาน ทำให้แก้ปัญหายากๆที่แก้ไม่ได้ในอดีต...
          “เมื่อถึงวันนั้น อนาคต...ประเทศไทยจะต้องไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป และจะไม่กลับมาเกิดความรุนแรงอีกหลังมีการเลือกตั้ง” ศ.นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส กล่าวทิ้งท้าย.

-ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 8 ต.ค. 2557 (กรอบบ่าย)-

Facebook

เข้าสู่ระบบ to rate

อันดับความนิยม:

อัพโหลดโดย:  webmaster

วันที่อัพโหลด:  10th Oct 14

จำนวนผู้ชม:  35556

ความคิดเห็น:  0

ข่าวที่ชื่นชอบ:  0

หมวด:   ข่าวสารน่ารู้

แจ้งข่าวไม่เหมาะสม

ชื่นชอบ

ส่งอีเมล์ถึ่งเพื่อน

๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝวท๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝวข๏ฟฝอง