Sub Navigation Links

webmaster's News

สธ.จับมือรร.แพทย์ลุยพัฒนาระบบสุขภาพของชาติ



สธ.จับมือรร.แพทย์ลุยพัฒนาระบบสุขภาพของชาติ



สธ.จับมือรร.แพทย์ลุยพัฒนาระบบสุขภาพของชาติ

นายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลัง บรรยาย”แนวคิด นโยบายและองค์ประกอบของการปฏิรูประบบบริการสุขภาพของประเทศไทยใน 1-3 ปีข้างหน้า” ในที่ประชุมเครือข่ายโรงพยาบาลกลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (University hospital network :UHOSNET) ครั้งที่ 50 ที่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กทม.ว่า วันนี้ได้มาสื่อสารแนวคิดแนวทางในการปฏิรูประบบสุขภาพของชาติ ภายใต้การปฏิรูปประเทศไทยของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อรองรับการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุของไทย ลดความเหลื่อมล้ำในระบบบริการประชาชนในแต่ละพื้นที่ และเพื่อพัฒนากลไกสร้างเอกภาพในการกำหนดนโยบายสาธารณสุข (National Health Directing Board) ซึ่งยังขาดทิศทาง นโยบายในการพัฒนาระบบสุขภาพในทุกระดับ โดยเขตสุขภาพที่จะปฏิรูปมี 3 รูปแบบคือ 1.เขตสุขภาพเพื่อประชาชน (Regional Health Directing Board)ของคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ หรือ สช. 2.เขตสุขภาพของผู้จ่ายเงินแทนประชาชนหรือ สปสช.(Purchasing Board) และ3.เขตสุขภาพ ของกระทรวงสาธารณสุข (Regional Public Health Board)
เขตสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข เป็นการ นำภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพ ทั้งสถานพยาบาลในสังกัด ภาครัฐนอกสังกัด เอกชน และส่วนท้องถิ่น เข้าร่วมจัดบริการในเขตสุขภาพ เน้นการสร้างสุขภาพนำการซ่อมสุขภาพ โดยเฉพาะในส่วนโรงเรียนแพทย์ของมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งเดิมทำหน้าที่สนับสนุนการทำงานของกระทรวงสาธารณสุขคือรับส่งต่อ ผู้ป่วย กรณีที่ซับซ้อนเกินขีดความสามารถ ถ่ายทอดเทคโนโลยีการรักษาพยาบาลและฝึกอบรม ผลิตบุคลากรสายสุขภาพ เช่น แพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกร พยาบาล เป็นต้น โดยจะปรับบทบาทให้เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการ เพื่อกำหนดทิศทาง นโยบายการทำงานในเขตสุขภาพ เป็นการใช้กลไกวิชาการ/วิชาชีพ นำการทำงาน โดยจะนำร่องความร่วมมือใน 3 คณะ ได้แก่ คณะแพทยศาสตร์ พยาบาลศาสตร์และสาธารณสุขศาสตร์
นายแพทย์วชิระกล่าวต่อว่าในรอบ 12 ปีที่ผ่านมาภายหลังการเกิดระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า ได้มีสิ่งดีๆเกิดขึ้นในระบบสุขภาพไทย เช่น การเข้าถึงบริการได้ง่าย การครอบคลุมบริการประชาชนทุกกลุ่มทุกสิทธิ์และการลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนเมื่อประสบปัญหาสุขภาพ แต่การใช้กลไกด้านการเงินการคลังนำการทำงานอย่างเดียว อาจไม่เพียงพอในการจัดบริการที่ดีที่สุด เพราะข้อกำหนดในการทำงานบางส่วนกำหนดว่า เมื่อทำงานตามเงื่อนไขแล้วมีการจ่ายเงินให้หน่วยบริการ แต่เมื่อไม่ทำงานก็ไม่จ่ายเงิน ทำให้ประชาชนเสียโอกาสจากการที่หน่วยบริการไม่ทำงาน อาจเป็นเพราะไม่เห็นความสำคัญหรือไม่อยากได้เงิน เช่น การครอบคลุมการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคในบางพื้นที่เมื่อหน่วยบริการไม่อยากทำงานเชิงรุกเนื่องจากอาจไม่อยากได้เงิน หรือการทำงานยากเกินไป โดยไม่มีกลไกอื่นมากำกับ ประชาชนมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคติดต่อจากการไม่ได้รับวัคซีน หรือกรณีผู้ป่วยรอผ่าตัดไส้ติ่งนานเกินไปจนไส้ติ่งแตกเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัวในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา อาจเนื่องจากผลของการส่งต่อจากโรงพยาบาลเล็กไปโรงพยาบาลใหญ่ เพราะกลไกการเงินมีเพียงต้องตามจ่ายเท่านั้น ทำให้ผู้ป่วยไปแออัดรอคิวนานอาจทำให้ไส้ติ่งแตกได้
ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขจึงได้กำหนด กลไกอื่นๆ เช่น การจัดบริการร่วม การบริหารร่วม รวมทั้งการบริหารจัดการแบบใหม่ทั้ง กำลังคน ข้อมูล รวมทั้งธรรมาภิบาลระบบเข้ามาเสริมการทำงาน โดยการพูดคุยหารือในครั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้รับความกรุณาจากท่านผู้บริหารและคณะอาจารย์แพทย์ ซึ่งยินดีที่จะเข้ามาร่วมคิด ตัดสินใจ กำหนดนโยบาย และยุทธศาสตร์การทำงาน โดยการร่วมเป็น คณะกรรมการในเขตสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุข อาจารย์หลายๆท่านมองเห็นว่าเป็นโอกาสอันดี และเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่จะต้องช่วยกันปฏิรูประบบสุขภาพของชาติ ให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการจัดบริการที่ดียิ่งๆ ขึ้นไป เพราะบริการด้าน สุขภาพเป็นความจำเป็นพื้นฐานของประชาชนทุกคน

Facebook

เข้าสู่ระบบ to rate

อันดับความนิยม:

อัพโหลดโดย:  webmaster

วันที่อัพโหลด:  19th Aug 14

จำนวนผู้ชม:  34958

ความคิดเห็น:  0

ข่าวที่ชื่นชอบ:  0

หมวด:   ข่าวสารน่ารู้

แจ้งข่าวไม่เหมาะสม

ชื่นชอบ

ส่งอีเมล์ถึ่งเพื่อน

๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝวท๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝวข๏ฟฝอง