Sub Navigation Links

webmaster's News

หนุนร่างกฎหมาย เพื่อสุขภาวะของแม่และเด็ก



หนุนร่างกฎหมาย เพื่อสุขภาวะของแม่และเด็ก



ในปัจจุบันมี 38 ประเทศทั่วโลก ที่ได้มีการบังคับใช้กฎหมาย ตาม “หลักเกณฑ์สากลว่าด้วยการตลาดอาหารทารกและเด็กเล็ก” หรือ CODE ที่ “สมัชชาอนามัยโลก” มีมติให้การรับรองมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1981 เพื่อปกป้องส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็กได้รับ การเลี้ยงดูด้วยนมแม่อย่างเดียวในช่วง 6 เดือนและกินนมแม่ควบคู่ไปกับอาหารเสริมตามวัยจนถึง 2 ปีหรือนานกว่านั้น

ในขณะที่อีกกว่า 44 ประเทศ มีกฎหมายหรือข้อบังคับที่ควบคุมการตลาดอาหารสำหรับเด็กทารกได้เพียงบางส่วน ซึ่งประเทศไทยเองก็อยู่ในระหว่างการดำเนินการจัดทำกฎหมาย ในเรื่องดังกล่าว ซึ่งความไม่ชัดเจนในเรื่องนี้ได้ส่งผลกระทบต่อ “สุขภาวะของแม่และเด็ก” ที่ตกต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด ดังกรณีที่เกิดขึ้นกับ “ประเทศอาร์เมเนีย” ที่ถึงแม้จะมีการนำหลักเกณฑ์ด้านการตลาดอาหารทารกและเด็กเล็กมาบังคับใช้ แต่กลับขาดมาตรการรวมไปถึงบทลงโทษต่อการกระทำที่ผิดที่ชัดเจน

ผลที่เกิดขึ้นคือสถิติการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ย้อนหลังไป 4 ปี ของอาร์เมเนียมีอัตราการขยายตัวที่หยุดชะงัก สาเหตุหลัก มาจากการดำเนินกลยุทธ์ด้านการตลาดของผู้ประกอบการนมผงผ่านสื่อโฆษณาต่างๆ ในที่สาธารณะ ในบรรจุภัณฑ์นม รวมถึงการแจกตัวอย่างนมผงผ่านบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งล้วนแต่ขัดต่อหลักของ CODE แต่เมื่อไม่มีบทลงโทษ ทำให้ปัจจุบันสุขภาวะของเด็กอาร์เมเนียลดต่ำ เจ็บป่วยง่าย การเติบโตต่ำกว่าเกณฑ์ และมีน้ำหนักเกินเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

สถานการณ์และบทเรียนของเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ใน อาร์เมเนีย สะท้อนให้เห็นถึงอุปสรรคกว่าที่เด็กๆ จะได้กินนมแม่ และยังสะท้อนให้เห็นปัญหาในอีกหลายๆ ประเทศทั่วโลกที่จะต้องเผชิญ ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทย เพราะกฎหมายของกระทรวงสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบันขาดมาตรการบังคับและบทลงโทษ โดยในปี พ.ศ. 2553 กรมอนามัย ร่วมกับภาคีที่เกี่ยวข้องจึงได้ยกร่างการควบคุมกลยุทธ์การตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก เสนอที่ประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 3 โดยที่ประชุมมีมติรับรองและให้ผลักดันเป็นข้อบังคับที่มีผลตามกฎหมาย

นายแพทย์ดนัย ธีวันดา ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริม สุขภาพ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงเนื้อหาในร่างกฎหมายฉบับใหม่ว่า มีความคล้ายคลึงกับประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ใช้ในปัจจุบัน แต่จะเพิ่มสาระสำคัญในส่วนของ บทลงโทษ โดยมีเป้าหมายคือต้องการตอกย้ำความเข้าใจและสร้างความตื่นตัวให้กับสังคม รวมทั้งเพิ่มภาระในแง่ของขั้นตอน ทางกฎหมายหากธุรกิจอาหารสำหรับทารกมีการกระทำที่เป็น การฝ่าฝืนข้อบัญญัติในกฎหมาย

“ที่ผ่านมาเมื่อมีปัญหาเราทำได้แค่แจ้งเตือนผู้ประกอบการ ในลักษณะขอความร่วมมือ หากปรับฐานะเป็นพระราชบัญญัติน่าจะทำให้ผู้ประกอบการที่จะทำสิ่งที่ขัดต่อกฎหมายคงต้องประเมินผลดีผลเสียมากขึ้น รวมทั้งบุคลากรของเราเองก็จะได้มีแนวทางในการปฏิบัติงานที่ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วย”

พรธิดา พัดทอง เจ้าหน้าที่ฝ่ายสื่อสาร องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (ยูนิเซฟ) ยอมรับว่าการผลักดัน CODE ให้เป็นกฎหมายในแต่ละประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย อุปสรรคสำคัญได้แก่ความรู้ความเข้าใจในเรื่องประโยชน์ที่แท้จริงของ นมแม่ว่าไม่มีสิ่งใดมาทดแทนได้

“ในส่วนของประเทศไทย ผ่านมา 3 ปีแล้ว แต่ร่างกฎหมายดังกล่าวยังไม่สามารถผ่านเข้าสู่ขั้นตอนของรัฐสภา และไม่อาจแน่ใจได้ว่าในส่วนของเนื้อหาจะไม่ถูกแก้ไขในระหว่างการพิจารณา ดังนั้นหากประชาชนและสังคมมีความรู้ความเข้าใจ ในเรื่องนี้ จะได้ช่วยกันติดตามและผลักดันกฎหมาย รวมทั้งปฏิบัติตัวได้เหมาะสมตามแนวทางที่สมัชชาอนามัยโลกกำหนดไว้” เจ้าหน้าที่องค์การยูนิเซฟกล่าวในตอนท้าย

Facebook

เข้าสู่ระบบ to rate

อันดับความนิยม:

อัพโหลดโดย:  webmaster

วันที่อัพโหลด:  1st Nov 13

จำนวนผู้ชม:  34919

ความคิดเห็น:  0

ข่าวที่ชื่นชอบ:  0

หมวด:   ข่าวสารน่ารู้

แจ้งข่าวไม่เหมาะสม

ชื่นชอบ

ส่งอีเมล์ถึ่งเพื่อน

๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝวท๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝวข๏ฟฝอง