Sub Navigation Links

webmaster's News

คอลัมน์ มองย้อนศร: ความตายพูดได้ต้องพูด และจะพูด เอกภพ สิทธิวรรณธนะ :เครือข่ายพุทธิกา



คอลัมน์ มองย้อนศร:  ความตายพูดได้ต้องพูด และจะพูด เอกภพ สิทธิวรรณธนะ :เครือข่ายพุทธิกา



ขณะจัดกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้เรื่องความ ตายครั้งหนึ่ง ผมได้ยินรุ่นพี่กล่าวกับผมว่า “แปลกเนอะ ความตายเป็นเรื่องธรรมชาติแท้ๆ แต่ต้องมาเสียเงินเสียเวลามาเข้าอบรมให้ตายเป็น”

ผมคิดตามรุ่นพี่คนนั้นก็รู้สึกว่า “จริงแฮะ”

แต่คิดอีกที มันก็คงจะเหมือนกิจกรรมพื้นฐานอื่นๆของมนุษย์ เช่น การกิน การนอน การเดิน หรือแม้แต่การหายใจ มนุษย์เกิดมาไม่ต้องเรียนก็ทำสิ่งเหล่านี้เป็น แต่จะทำให้ “ดี” ก็หนีไม่พ้นที่จะต้องเรียนรู้

นักวิทยาศาสตร์พบว่าความเจ็บป่วยบางอย่าง เกิดจากการหายใจไม่ถูกสุขลักษณะ หายใจตื้นไป เร็วไป หายใจไม่เต็มที่ ผู้รู้บางคนก็จัดคอร์สอบรมเรื่องการหายใจอย่างถูกต้อง แม้ว่าราคาจะแพงแต่ผู้เข้าอบรมบอกว่าคุ้มค่า

เช่นเดียวกับเรื่องการหายใจนักสังคมศาสตร์ ก็พบว่าความเจ็บป่วยทางสังคม การเบียดเบียนซึ่งกันและกัน การเบียดเบียนธรรมชาติ หรือแม้แต่ความทุกข์ ความเครียดของปัจเจกก็มีสาเหตุจากการมีท่าทีและทัศนคติต่อชีวิตและความตาย ที่ไม่ถูกสุขลักษณะ

ทัศนคติต่อความตายที่ดูจะมีปัญหาได้แก่ ความประมาทในความตาย ความเกลียดกลัวความตาย การหลีกเลี่ยงละเลยที่จะครุ่นคิดและเรียนรู้ความตาย เหล่านี้เป็นท่าทีต่อความตายของคนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน

เพราะกลัวตายจึงไม่ได้สนใจเรียนรู้เตรียมพร้อมรับมือกับความตาย

เมื่อถึงเวลาที่ตนเองหรือคนใกล้ชิดต้องตายจริงๆ ก็เกิดความสับสนอลหม่าน ทำอะไรไม่ถูก

เชื่อหรือไม่ว่าต่างประเทศก็ประสบปัญหานี้ มาก เขาพบว่าคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยระยะท้ายนั้นไม่ดีเลย ผู้ป่วย ญาติตลอดจนแพทย์พยาบาลประสบความยากลำบากในการจัดการการตาย เพราะต่างก็ปฏิเสธความตายมาโดยตลอด แม้กระทั่งการบอกข่าวร้ายที่กระทบกระเทือนจิตใจก็อาจทำให้ผู้ป่วยทรุดหนัก หรือญาติอาจฟ้องร้องโรงพยาบาลจำนวนเงินมหาศาลได้สถานการณ์ดังกล่าวอาจเรียก ได้ว่าเรากำลังเปราะบางต่อความตาย

ด้วยเหตุนี้การดูแลแบบประคับประคองระยะท้าย ของชีวิต (พาเลียทีฟแคร์) จึงติดขัด แม้ว่าจะบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถผ่านการอบรมทางเทคนิค มียาที่ช่วยลดความเจ็บปวดทรมานในช่วงท้ายของชีวิตอย่างเพียงพอ แต่ก็ยังติดอุปสรรคตรงที่ไม่สามารถพูดเรื่องความตายกับผู้ป่วยและญาติได้นี่ แหละ

กระทั่งคำว่าตาย หรือคำว่าเสียชีวิตหมอยังพูดให้ผู้ป่วยหรือญาติได้ยินแทบไม่ได้เลย ต้องใช้คำที่เป็นรหัส เช่น “เด้ด” “ไป”หรือไม่ก็เว้นวรรคไม่พูดเสียเฉยๆ

เมื่อพูดถึงความตายไม่ได้จึงวางแผนการรักษา แบบ “ช่วยชีวิตจนหยดสุดท้าย”ซึ่งเป็นแนวทางหลักของการแพทย์ตะวันตกสมัยใหม่ ทำให้เกิดการใช้ทรัพยากรในการยืดชีวิตเกินความจำเป็น และบางรายกลับสร้างความทรมานแก่ผู้ป่วยเสียด้วยซ้ำ

หนึ่งในวิธีการแก้ปัญหาขององค์กรแพทย์ใน สาขาดูแลแบบประคับประคองระยะท้ายในหลายประเทศคือการรณรงค์แคมเปญว่า “ความตายพูดได้” เขาพยายามที่จะรื้อถอนวัฒนธรรมแห่งการปฏิเสธความตายด้วยการเริ่มต้นพูดถึง มัน

ไม่น่าเชื่อนะครับว่าการไม่พูดถึงความตาย ไม่นึกถึงความตายจะส่งผลกระทบมากมายถึงเพียงนี้

กลับมามองที่สังคมไทย การรณรงค์การเรียนรู้ความตายในที่สาธารณะ ก็ยังเป็นที่ถกเถียงว่า จะใช้คำว่า “ตาย” อย่างตรงไปตรงมาได้หรือไม่

บางส่วนบอกว่าไม่ควร เพราะคนปัจจุบันถ้าได้ยินคำว่าตายแล้วจะเกิดอาการ”หูดับ” ไม่รับรู้ หรืออาจกลัวเข้าไปใหญ่ แต่บางส่วนก็บอกว่าควรจะสื่อสารคำว่าตายอย่างตรงไปตรงมา เพราะอย่างไรเสียเราก็หลีกเลี่ยงที่จะเผชิญกับความตายไม่พ้นอยู่ดี

โครงการเผชิญความตายอย่างสงบ เห็นด้วยกับฝ่ายหลังครับ ไหนๆ จะพูดเรื่องตายแล้ว ก็พูดให้ดังๆ กลางห้างใหญ่ๆ ไปเลยดีกว่า

จึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมกิจกรรม”Before I die พร้อมก่อนตาย” ในวันที่ 11-12 ต.ค. 2556 ณ ลานอีเดน ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์

ในงานมีกิจกรรมที่จะชวนทุกท่านทบทวนชีวิต และใคร่ครวญความตายตลอดสองวัน นอกจากนี้ยังมีเวทีสนทนาหัวข้อ”Before I die ก่อนฉันจะตาย” โดย พระไพศาล วิสาโล ในวันที่ 11 ต.ค. และเวทีเสวนาหัวข้อ “ก่อนฉันจะตาย” โดย คุณหญิงจำนงศรี หาญเจนลักษณ์ ในวันที่ 12 ต.ค.

งานนี้จัดโดยเครือข่ายพุทธิกา ร่วมกับสมาคมบริบาลผู้ป่วยระยะท้าย สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ และภาคีเครือข่าย สนใจติดตามรายละเอียดได้ที่ http://www.budnet.org/peacefuldeath และหน้าแฟนเพจเฟซบุ๊ก peaceful death หรือโทร. 02-882-4387, 02-866-0863 ต่อ 12

Facebook

เข้าสู่ระบบ to rate

อันดับความนิยม:

อัพโหลดโดย:  webmaster

วันที่อัพโหลด:  25th Sep 13

จำนวนผู้ชม:  35822

ความคิดเห็น:  0

ข่าวที่ชื่นชอบ:  0

หมวด:   ข่าวสารน่ารู้

แจ้งข่าวไม่เหมาะสม

ชื่นชอบ

ส่งอีเมล์ถึ่งเพื่อน

๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝวท๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝวข๏ฟฝอง