สช.เปิดเวทีถกมั่นคงสุขภาพแรงงานนอกระบบ
แนะรัฐสร้างเท่าเทียม-เร่งผ่านกม.งานทำที่บ้าน
สช.เปิดเวทีถกแรงงานนอกระบบกับความมั่นคงทางสุขภาพ ภาคประชาชนชูสมัชชาสุขภาพช่องทางให้เกิดมตินำไปสู่การปฏิบัติ แนะรัฐร่วมจ่ายหลักประกันสังคมเช่นเดียวกับแรงงานในระบบ ระบุต้องการบำนาญมากกว่าบำเหน็จ พร้อมขอฝากวันแรงงานปีนี้ขยับค่าแรงขึ้น
เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2553 สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ได้จัดเวทีเสวนาเนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ 1 พฤษภาคม หัวข้อ “แรงงานนอกระบบกับความมั่นคงทางสุขภาพ” ที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ โดยมีตัวแทนภาครัฐ อาทิ กระทรวงแรงงาน สำนักงานประกันสังคม สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และภาคประชาชน ภาควิชาการ เข้าร่วมงานกว่า 50 คน เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้สถานการณ์แรงงานนอกระบบ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 14 มติที่ได้จากการประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 1 พ.ศ.2551 รวมทั้งแนวทางในการผลักดันให้แรงงานนอกระบบได้รับการคุ้มครองและได้รับสวัสดิการ
สำหรับวิทยากร ได้แก่ นายแพทย์อำพล จินดาวัฒนะ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ดร.เฉลิมพล แจ่มจันทร์ สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล นางพูลทรัพย์ ตุลาพันธ์
ผู้จัดการ มูลนิธิเพื่อการพัฒนาแรงงานและอาชีพ นางอรพิน วิมลภูษิต ผู้จัดการแผนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงาน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)นายพงศักดิ์ เปล่งแสง ที่ปรึกษา รมว.แรงงาน ผู้ดำเนินรายการ นายประพจน์ ภู่ทองคำ โดย นางศิรินา ปวโรฬารวิทยา รองประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนและติดตามการดำเนินงานตามมติ สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เป็นผู้กล่าวเปิดงานเสวนาครั้งนี้
ดร.เฉลิมพล แจ่มจันทร์ สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า แรงงานนอกระบบ เป็นแรงงานกลุ่มใหญ่ ซึ่งมีถึง 2 ใน 3 ของกำลังแรงงานของไทย และ 3 ใน 5 ของแรงงานนอกระบบ ประสบปัญหาเจ็บป่วยจากความไม่ปลอดภัยในการทำงาน อีกทั้งต้องทำงานหนัก ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และแนวโน้มพบบาดเจ็บจากการทำงานสูงขึ้น ทั้งนี้แรงงานนอกระบบส่วนใหญ่อยู่ในภาคการเกษตร การประมง งานบริการ หัตถกรรม และอาชีพต้องใช้แรงงานไม่มีกฎหมายรองรับ ปัญหาของแรงงานนอกระบบ ได้แก่ ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ความไม่มั่นคงของอาชีพ รายได้ไม่สม่ำเสมอ ทำงานหนัก และปัญหาสุขภาพความไม่ปลอดภัยจากการทำงาน นางพูลทรัพย์ ตุลาพันธุ์ ผู้จัดการ มูลนิธิเพื่อการพัฒนาแรงงานและอาชีพ กล่าวว่า ในเรื่องแรงงานนอกระบบ ได้ผ่านทางสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งเป็นเวทีที่ดี ที่นำเรื่องแรงงานนอกระบบเข้ามาพูดถึง และนำเสนอปัญหาจนได้มติ 4 ข้อ ได้แก่ 1.ให้ร่วมกันกำหนดคำนิยาม “แรงงานนอกระบบ” แต่ยังไม่สำเร็จ เสนอให้ยึดตามความหมายสำนักงานสถิติแห่งชาติ 2.ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขที่เหมาะสมสำหรับแรงงานนอกระบบ ซึ่งปัจจุบันมีความก้าวหน้าไปบ่างแต่ยังไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ 3.ให้องค์กรปกครองท้องถิ่นมีนโยบายจัดการสุขภาวะของแรงงานนอกระบบ สนับสนุนการจัดตั้งกองทุนประกันความเสี่ยงจากการประกอบอาชีพในชุมชน ซึ่งมีเกิดขึ้นแต่ยังไม่ทั่วถึงเช่นกัน
และ 4.ติดตามการยกร่างกฎหมาย 3 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับแรงงานนอกระบบ คือ ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครอง ส่งเสริมและพัฒนาผู้รับงานไปทำที่บ้าน พ.ศ…. อยู่ระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา เป็นกฎหมายที่สร้างหลักประกันทางสุขภาพกับแรงงานนอกระบบที่รับงานไปทำที่บ้าน และร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม (ฉบับที่…) พ.ศ… เป็นกฎหมายที่ต้องการขยายสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ให้ครอบคลุมไปถึงคู่สมรสและบุตร และมาตรา 40 (ผู้ประกันตนสมัครใจ) ที่จะเพิ่มสิทธิจาก 3 กรณีเป็น 5 กรณี รวมทั้ง ร่าง พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ…. เป็นกฎหมายที่สร้างหลักประกันทางเศรษฐกิจให้แก่ประชาชนที่มีอายุครบ ๖๐ ปีบริบูรณ์ รวมถึงแรงงานนอกระบบทั้งหมด
“โดยเฉพาะในส่วนการแก้ไขกฎหมายอย่างเช่น กฎหมายประกันสังคม อยากให้รัฐบาลจ่ายให้กับแรงงานนอกระบบด้วย ทำไมรัฐจ่ายให้แรงงานในระบบได้ ทำไมไม่ร่วมจ่ายกับแรงงานนอกระบบ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญ และในมาตรา 40 แม้จะเปิดขยาย 5 กรณี แต่ในกรณีบำเหน็จบำนาญ ทางกลุ่มแรงงานนอกระบบอยากให้เป็นบำนาญ แต่ที่ออกมาเป็นบำเหน็จ จึงอยากเรียกร้องให้ภาครัฐพิจารณาด้วย นอกจากนี้ในโอกาสวันแรงงาน อยากฝากให้มีการขยับค่าแรงขั้นต่ำของแรงงานในระบบ ซึ่งจะส่งผลให้ส่วนอื่นขยับตามไปด้วย” นางพูลทรัพย์ กล่าว
นายแพทย์อำพล จินดาวัฒนะ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า หลังจากสมัชชาสุขภาพแห่งชาตินำเสนอมติเรื่องนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาวะของแรงงานนอกระบบ ต่อคณะรัฐมนตรีทราบผลและมอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติ ซึ่งที่ผ่านมามีการดำเนินการตามมติไปหลายประการ เช่น คำนิยาม “แรงงานนอกระบบ” ที่เสนอให้ยึดของสำนักงานสถิติแห่งชาติเป็นหลักเพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม กลุ่มแรงานนอกระบบจากข้อมูลและการสำรวจพบว่ายังมีทุกข์ภาวะอยู่มาก แม้ว่ารัฐจะช่วยเหลือเมื่อเกิดการเจ็บป่วย แต่ก็ยังทุกข์ ซึ่งทุกฝ่ายต้องช่วยกัน สมัชชาสุขภาพแห่งชาติเป็นเครื่องมือช่วยซึ่งเกิดจากผู้คนจำนวนมากและใช้เวลาบ้างแต่เป็นเวทีเปิดให้ทุกคนเข้ามาทำงานทั้งภาครัฐ ภาคประชาชนและกลุ่มวิชาการ เข้ามาช่วยขับเคลื่อนซึ่งหลังมีมติสมัชชาแล้ว มีความก้าวหน้าในหลายหน่วยงาน และในส่วนร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแรงงานนอกระบบ คือ ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครอง ส่งเสริม และพัฒนาผู้รับงานไปทำที่บ้าน ที่ปัจจุบันผ่านสภาผู้แทนราษฎรไปแล้วอยู่ในชั้นวุฒิสภา ก็อยากจะขอของขวัญในวันแรงงานปีนี้ ขอให้วุฒิสภาเร่งผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว
นางอรพิน วิมลภูษิต ผู้จัดการแผนงานพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงาน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า คุณภาพชีวิตแรงงาน ประกอบด้วย 1.ความมั่นคงรายได้และอาชีพ 2.ความปลอดภัยในการทำงาน 3.สวัสดิการ โดย สสส.ทำในด้านสวัสดิการชุมชน โดยทำต้นแบบนำร่อง คุณภาพชีวิตแรงงานนอกระบบ โดยการเชื่อมโยงกลุ่มต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มเกษตรกรที่ใช้ปุ๋ยก็ดึงกลุ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์เข้ามารวมเพื่อเชื่อมโยงการผลิตและการนำไปใช้ หรือกลุ่มทำปลานึ่งที่ต้องใช้เข่งใส่ปลาก็ประสานเอากลุ่มผู้สูงอายุมาทำภาชนะดังกล่าว เป็นการเชื่อมโยงกลุ่มแรงงานนอกระบบรวมทั้งยังเชื่อมโยงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย
นายแพทย์สนธยา พรึงลำภู ที่ปรึกษาการแพทย์ สำนักงานประกันสังคม ระบุว่า แรงงานในและนอกระบบ ควรให้มีสิทธิเท่าเทียมกันมีสิทธิความเป็นมนุษย์เสมอกัน แรงงานในระบบมีเจ็บป่วยจากทำงานและเจ็บป่วยที่ไม่เกิดจากทำงาน และมีกองทุนทดแทนเข้ามาช่วย ส่วนแรงงานนอกระบบที่เข้ามารับผิดชอบคือหลักประกันสังคมถ้วนหน้า แต่ในเจ็บป่วยจากการทำงานยังไม่มีเจ้าภาพ มีการเสนอกองทุนในหลายระดับทั้งท้องถิ่นน่าจะมีเจ้าภาพเข้ามาดำเนินการเรื่องนี้ ดังนั้นเห็นว่าแรงงานนอกระบบยังขาดการรักษาพยาบาลและการตรวจในเรื่องความเสี่ยงการเจ็บป่วยจากการทำงาน จึงน่าจะผลักดันตรงนี้ให้เกิดขึ้น
นายณรงค์ เพชรประเสริฐ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า กลุ่มลูกจ้างทำงานภาคเอกชนมีประมาณ 11 ล้านคน และลูกจ้างภาครัฐ 3 ล้านคน ไม่รวมกลุ่มเกษตรกร อาทิ ลูกจ้างเกษตรกร ลูกจ้างประมง อย่างไรก็ตาม แรงงานนอกระบบส่วนใหญ่อยู่ในภาคเกษตร ปัจจุบันแรงงานในอุตสาหกรรมโดยเฉลี่ยได้ค่าจ้าง 6 พันบาท แต่ค่าครองชีพในเมืองใหญ่ต้อง 8 พันบาท จึงต้องทำงานล่วงเวลาเพื่อเพิ่มรายได้ ทั้งนี้ลูกจ้างแรงงานภาคเกษตร 3 ล้านคน มีปัญหาในเรื่องสวัสดิการมากที่สุด เพราะไม่มีที่ดินของตัวเองภาครัฐก็ถือว่าไม่ใช่เกษตรกร
นายพงศักดิ์ เปล่งแสง ที่ปรึกษา รมว.แรงงาน ระบุว่า ปัญหาคำนิยามควรให้สำนักงบประมาณรับรองเพื่อให้นิยามที่ครอบคลุมและตรงกัน และควรมีการผลักดันในเรื่องกฎหมาย ความปลอกภัย และกองทุนของแรงงานนอกระบบให้เป็นรูปธรรม
|