Sub Navigation Links

webmaster's News

ผลักดันแก้ปัญหาหมอกควันในสมัชชาสุขภาพแห่งชาติปีนี้ พบชาวเหนือเสี่ยงโรคร้ายลามถึงลูกในท้อง



ผลักดันแก้ปัญหาหมอกควันในสมัชชาสุขภาพแห่งชาติปีนี้ พบชาวเหนือเสี่ยงโรคร้ายลามถึงลูกในท้อง



คณะทำงานวิชาการเฉพาะประเด็นการจัดการปัญหาหมอกควันที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ  พบปัญหาหมอกควันในภาคเหนือรุนแรงสุดในรอบ 5 ปี หวั่นประชาชนเสี่ยงโรครุมเร้าทั้งมะเร็งปอด หลอดเลือดในสมอง และโรคผิวหนัง ล่าสุดพบกระทบถึงเด็กในครรภ์ต้องคลอดก่อนกำหนด

           นางกรรณิการ์ บรรเทิงจิตร รองเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ  เปิดเผยว่า สถานการณ์หมอกควันที่เกิดขึ้นเป็นระยะได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนไทยอย่างรุนแรงหลายพื้นที่ และกลายเป็นปัญหาระดับชาติที่ต้องระดมความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการแก้ไข โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนซึ่งเกิดปัญหานี้ทุกปีในช่วงเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม และได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นในปี 2555 หรือแม้กระทั่งล่าสุดในพื้นที่ภาคใต้ ที่เกิดปัญหาหมอกควันปกคลุมจังหวัดสงขลา ส่งผลให้คณะกรรมการจัดสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ (คจ.สช.) ได้ร่วมกันผลักดันวาระ "การจัดการปัญหาหมอกควันที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ" เข้ามาเป็นหนึ่งในระเบียบวาระที่จะมาพิจารณาในสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ในวันที่ 18-20 ธันวาคม นี้  ที่ศูนย์การแสดงสินค้าไบเทค บางนา
        สำหรับการเตรียมข้อมูลผลกระทบและแนวทางแก้ไขนั้น ล่าสุดทางคณะทำงานวิชาการเรื่องการจัดการปัญหาหมอกควันที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ ที่มี ดร.สมศักดิ์ สุขวงศ์ อดีตคณบดีคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นประธาน ได้จัดประชุมเพื่อระดมความคิดเห็นจากภาคีที่เกี่ยวข้องทั้งนักวิชาการ ตัวแทนเกษตรกร เครือข่ายประชาสังคม และบริษัทเอกชนขนาดใหญ่ เพื่อร่วมกันจัดทำข้อมูล วิเคราะห์สภาพปัญหาหมอกควันและไฟป่าในพื้นที่ต่างๆ  การหาแนวทางแก้ไข การแก้ไขกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง การปรับปรุงกลไกการทำงานของหน่วยราชการในพื้นที่ และงบประมาณ เพื่อรับฟังความคิดเห็นของผู้แทนแต่ละกลุ่มเครือข่าย และนำเข้าสู่การพิจารณาในสมัชชาสุขภาพแห่งชาติต่อไป
       “เราพบว่าปัญหาหมอกควันที่เกิดจากการเผาป่าเพื่อใช้พื้นที่การเกษตร เผาขยะ มลพิษจากภาคอุตสาหกรรม และฝุ่นควันจากการจราจร ได้ส่งผลต่อสุขภาพของคนไทยอย่างรุนแรง เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรคร้ายแรงหลายชนิด กระทบต่อสุขภาพ และการดำเนินชีวิตของคนในท้องถิ่น โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ที่เราจะใช้เป็นพื้นที่นำร่องในการสังเคราะห์ปัญหาและเสนอทางออกเพื่อแก้ปัญหานี้โดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง" นางกรรณิการ์กล่าว
        ทั้งนี้ ตามข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่า จากการตรวจสอบคุณภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนปี 2555 พบว่ามีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก ((PM10) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดปริมาณสารมลพิษที่เกิดจากการเผาในที่โล่ง ปรากฎปริมาณเกินมาตรฐานอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพในทุกจังหวัด โดยค่าสูงสุดอยู่ในระดับ 300-470 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ขณะที่มาตรฐาน PM10 จะต้องไม่เกิน 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรเท่านั้น
          ขณะที่สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ติดตามเฝ้าระวังผลกระทบจากสุขอนามัยจากสถานการณ์หมอกควันเช่นเดียวกัน โดยรวบรวมข้อมูลจำนวนผู้ป่วยจากโรงพยาบาลในพื้นที่ 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ในปี 2555 พบว่าอัตราผู้ป่วยในกลุ่มโรคทางเดินหายใจและโรคหัวใจและหลอดเลือด เพิ่มสูงขึ้นพร้อมกับสถานการณ์หมอกควัน
         ด้านรศ.ดร.นพ.พงศ์เทพ วิวรรธนะเดช หัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์มลพิษจากหมอกควันในภาคเหนือจะรุนแรงที่สุดในเดือนมีนาคมของทุกปีและจากการเฝ้าติดตามข้อมูลมาตั้งแต่ปี 2550 จะพบว่าในปีนี้หมอกควันได้สร้างผลกระทบรุนแรงมากที่สุดในรอบ 5 ปี ซึ่งจากผลการศึกษาพบว่าเกิดจาก 4 ปัจจัยสำคัญได้แก่ 1. การเผาป่าและการเผาเพื่อใช้พื้นที่ทำการเกษตร โดยเฉพาะการปลูกข้าวโพดที่มีมากในภาคเหนือตอนบน เช่น อ.แม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ มีการปลูกกว่า 1 แสนไร่ หรือที่จังหวัดน่าน มีการปลูก 3-4 แสนไร่ 2. การเผาขยะตามบ้านเรือนประชาชน ที่เกิดขึ้นทุกวันเนื่องจากระบบการทำงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นยังไม่สามารถให้บริการได้ทั่วถึง และไม่มีพื้นที่ฝังกลบที่ดีพอ ทำให้ต้องใช้วิธีการเผาเป็นหลัก
          3.ปัญหาการจราจร ที่ขาดระบบขนส่งมวลชนที่ดีพอ เช่น จังหวัดเชียงใหม่เป็นเมืองใหญ่อันดับสองรองจากกรุงเทพมหานคร แต่กลับไม่มีระบบขนส่งมวลชนที่ลดปริมาณการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลได้ 4. ภาคอุตสาหกรรม ที่ใช้เชื้อเพลิง เช่น แกลบ ขี้เลื่อย ซึ่งมีการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ
        รศ.ดร.นพ.พงศ์เทพ กล่าวอีกว่า จากการเฝ้าติดตามปัญหาหมอกควันที่มีผลกระทบต่อสุขภาพพบว่าทำให้เกิดความเสี่ยงต่อ 4 โรคสำคัญคือ 1. โรคทางเดินหายใจ หอบหืด เกิดกับผู้สูดดมสารมลพิษเหล่านี้โดยตรงอาจต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล 2. โรคหัวใจและหลอดเลือด เนื่องจากสูดอากาศไม่ดีเข้าไป ทำให้การทำงานของเม็ดเลือดแดงมีปัญหา 3.โรคผิวหนัง เนื่องจากสารพิษมีลักษณะเป็นกรดสูงจะทำให้ผู้ได้รับเกิดปฏิกิริยาตามผิวหนังหรือเกิดอาการแสบตา 4. ผลกระทบต่อสมอง มีโอกาสทำให้เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองตีบ
          ล่าสุดยังมีผลศึกษาพบว่าสารพิษจากหมอกควันอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อเด็กที่อยู่ในครรภ์มารดา เมื่อมารดาสูดดมเข้าไปมากจะทำให้เด็กได้รับสารนั้นด้วย อาจทำให้ต้องคลอดก่อนกำหนด ซึ่งส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก เช่น เติบโตช้ากว่าวัยอันควร นอกจากนั้นยังมีความเสี่ยงทำให้ประชาชนในพื้นที่เป็นโรคมะเร็งปอด เพราะมีข้อพิสูจน์แล้วว่าในสารมลพิษในอากาศนั้นมีสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งเป็นส่วนประกอบด้วย และตามสถิติจะพบว่าภาคเหนือมีผู้เป็นโรคมะเร็งปอดมากที่สุดคือ 40 คนต่อประชากร 1 แสนคน สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วประเทศที่เป็นมะเร็งปอด 10 คน ต่อประชากร 1 แสนคน เป็นต้น

ประสานงาน   :    สำนักการสื่อสารทางสังคม  สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ  (สช.)  โทรศัพท์  02-832-9141-43

        

Facebook

เข้าสู่ระบบ to rate

อันดับความนิยม:

อัพโหลดโดย:  webmaster

วันที่อัพโหลด:  15th Aug 12

จำนวนผู้ชม:  35579

ความคิดเห็น:  0

ข่าวที่ชื่นชอบ:  0

หมวด:   ข่าวสารน่ารู้

แจ้งข่าวไม่เหมาะสม

ชื่นชอบ

ส่งอีเมล์ถึ่งเพื่อน

๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝวท๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝวข๏ฟฝอง