Sub Navigation Links

webmaster's News

จับตายกเลิกกระเบื้องมุงหลังคาใยหิน นักวิชาการหวั่นเสียหาย4.64แสนล้าน



จับตายกเลิกกระเบื้องมุงหลังคาใยหิน นักวิชาการหวั่นเสียหาย4.64แสนล้าน



ASTVผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

           ภายหลังจาก“ศูนย์ศึกษาข้อมูลไครโซไทล์”หน่วยงานกลางที่ทำงานเผยแพร่งานวิจัยทางวิทยา ศาสตร์เกี่ยวกับแร่ใยหินชนิดไครโซไทล์ ได้จัดงานแถลงข่าว “ผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจหากยกเลิกใช้สารไครโซไทล์” กับประเด็นร้อนว่าด้วยการยกเลิกใช้แร่ใยหินเป็นส่วนประกอบการผลิตสินค้า อย่างกระเบื้องมุงหลังคา

       &n bsp;  ศูนย์ข้อมูลไครโซไทล์ ได้นำงานวิจัยทั้งด้านวิทยาศาสตร์ สังคม และทางเศรษฐกิจ ของ ดร.อิง เหวย หวังหัวหน้าภาควิชาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หรือเอแบค ที่ได้เสนอตัวทำงานวิจัยในหัวเรื่อง”ผลกระทบทางสังคม และเศรษฐกิจ กรณีการยกเลิกการใช้สารไครโซไทล์ (หรือแร่ใยหิน) เป็นส่วนผสมในการผลิตกระเบื้องมุงหลังคาและส่วนประกอบวัสดุก่อสร้างในที่ อยู่อาศัย” มาเปิดเผยต่อสาธารณชน แบบเป็นกลาง ระบุว่า หากมี การยกเลิกการใช้ไครโซไทล์จริงตามข้อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นกลุ่มครัวเรือน อุตสาหกรรม ฟาร์มเลี้ยงสุกร โรงเรียนและโรงพยาบาลจะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนและติดตั้งสินค้าทดแทนมากกว่า 4.64 แสนล้านบาทซึ่งยังไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายของภาครัฐในการบังคับใช้การยกเลิกการ ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สารไครโซไทล์ และค่าใช้จ่ายในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายและค่าสินไหมที่อาจเกิดขึ้น

       & nbsp;  นอกจากนี้ การศึกษายังพบว่าผลิตภัณฑ์กระเบื้องมุงหลังคาที่ไม่มีส่วนผสมของสารไครโซไทล์หรือกระเบื้องปลอดใยหินไครโซไทล์ มีคุณภาพและความคงทนต่ำกว่าผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารไครโซไทล์และยังมี อายุการใช้งานที่ 2-8 ปี ซึ่งสั้นกว่ากระเบื้องที่มีส่วนผสมของสารไครโซไทล์ซึ่งมีอายุใช้งานกว่า 20 ปีทำให้ผลิตภัณฑ์ทดแทนอาจก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นกว่า 10 เท่า ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม คนงาน และผู้บริโภค

          รายงานการศึกษายังเสนอให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่าง ถี่ถ้วนก่อนจะมีการยกเลิกการใช้สารไครโซไทล์ เพราะการยกเลิกใช้สารดังกล่าวอาจนำไปสู่ผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจทั้ง ในระยะสั้นและระยะยาวนอกจากนี้ รัฐบาลไทยควรพิจารณาถึงข้อเท็จจริงและหลักฐานของผลกระทบทางสุขภาพที่เกิด ขึ้นจริงจากกระเบื้องใยหินไครโซไทล์ในประเทศไทย และพิจารณาว่าระหว่างการยกเลิกหรือนโยบายการใช้งานอย่างปลอดภัย อย่างไหนจะจำเป็นกว่ากัน “ท้ายสุด หากมีการดำเนินการยกเลิก ก็มีความจำเป็นที่รัฐบาลไทยจะต้องสนับสนุนการพัฒนาสินค้าทดแทน ให้มีคุณภาพและความคงทนที่เท่าเทียมกับกระเบื้องใยหินไครโซไทล์ เพื่อลดต้นทุนและผลเสียทางเศรษฐกิจให้มากที่สุด”

          นักวิชาการจากเอแบคเตือน ยังมีอีกประเด็นที่คลุมเครือมายาวนาน คือผลกระทบของสารไครโซไทล์ต่อสุขภาพก็ยังคงเป็นข้อถกเถียงกันจากเหล่าบรรดาคุณ หมอหลายฝั่งหลายฝ่าย เช่นศาสตราจารย์ นพ.สมชัย บวรกิตติ เห็นว่า สิ่งที่ทุกคนควรรู้คือ กระเบื้องมุงหลังคาไครโซไทล์ยังไม่เคยถูกหยิบยกให้เป็นสาเหตุทางการตายของคนไทยแม้แต่คนเดียว

          นอกจากนั้น หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยังบ่งบอกว่าแร่ใยหินไครโซไทล์สามารถใช้ได้อย่าง ปลอดภัย ตั้งแต่มีการใช้ไครโซไทล์ในการผลิตวัสดุคอนกรีตต่างๆ ในประเทศไทยหรือที่อื่นๆ ในโลกยังไม่มีเหตุการณ์อันตรายเกิดขึ้นต่างกับในกรณีสารทดแทนบางตัว เป็นไปได้หรือไม่ว่า กลุ่มที่รณรงค์ให้สังคมไทยไร้แร่ใยหินที่มีทั้งนักวิชาการและนายแพทย์ร่วม อยู่ด้วยนั้น เหมือนกำลังสร้างภาพด้วยความจริงแต่เพียงครึ่งเดียว แอสเบสตอสเป็นอันตราย

          ซึ่งเป็นความจริงว่าแอสเบสตอสกลุ่มที่เรียกว่าแอมพิโบลนั้นมีอันตรายจริง และเป็นอันตรายที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ประเทศไทยเองก็ได้ห้ามนำเข้าและห้ามใช้แอสเบสตอสกลุ่มนี้ไปแล้วเป็นเวลากว่า 20 ปี เช่นเดียวกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก แต่กลุ่มที่รณรงค์ให้สังคมไทยไร้แร่ใยหินนั้น กลับไม่เคยเผยแพร่ความจริงอีกด้านหนึ่งเลย ว่าไครโซไทล์ นั้นต่างจากแอสเบสตอส กลุ่มที่เป็นอันตรายทั้งในทางโครงสร้างและในทางเคมีอย่างสิ้นเชิงอันทำให้ไครโซไทล์ถูกย่อยสลายไปได้อย่างรวดเร็วด้วยกลไกทางธรรมชาติแม้เมื่อเข้าสู่ ร่างกายได้ง่ายกว่าใยหินชนิดอื่น

          นอกจากใยหินแล้ว ปอดคนยังตอบสนองต่อเส้นธรรมชาติชนิดอื่นๆ โดยการห่อหุ้มในลักษณะนี้เช่นกัน เช่นใยแก้ว ใยฝ้าย กราไฟต์ และฝุ่น รายงานจากองค์กรนานาชาติ ยังระบุว่า สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้แร่ใยหินไครโซไทล์ได้อย่างปลอดภัย โดยมีวิธีการใช้ที่เหมาะสม ตามข้อควรระวังที่ระบุไว้ เช่นเดียวกับสารอื่นๆ ที่พึงใช้กันอยู่ในทุกวันนี้ บทสรุปปิดท้ายจากนักวิชาการ เสนอแนะก่อนที่รัฐบาลจะตัดสินใจแบบผิดๆ ขอให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพิจารณาผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างถี่ถ้วนก่อนจะ มีการยกเลิกการใช้สารไครโซไทล์ เพราะการยกเลิกใช้สารดังกล่าวอาจนำไปสู่ผล กระทบอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจทั้ง ในระยะสั้นและระยะยาว

          รัฐบาลไทยควรพิจารณาถึงข้อเท็จจริงและ หลักฐานของผลกระทบทางสุขภาพที่เกิดขึ้นจริงจากกระเบื้องใยหินไครโซไทล์ในประเทศไทย และพิจารณาว่าระหว่างการยกเลิกหรือนโยบายการใช้งานอย่างปลอดภัย อย่างไหนจะจำเป็นกว่ากัน หากมีการดำเนินการยกเลิก ก็มีความจำเป็นที่รัฐบาลไทยจะต้องสนับสนุนการพัฒนาสินค้าทดแทน ให้มีคุณภาพและความคงทนที่เท่าเทียมกับกระเบื้องใยหินไครโซไทล์เพื่อลดต้น ทุนและผลเสียทางเศรษฐกิจให้มากที่สุด

Facebook

เข้าสู่ระบบ to rate

อันดับความนิยม:

อัพโหลดโดย:  webmaster

วันที่อัพโหลด:  15th May 12

จำนวนผู้ชม:  35019

ความคิดเห็น:  0

ข่าวที่ชื่นชอบ:  0

หมวด:   ข่าวสารน่ารู้

แจ้งข่าวไม่เหมาะสม

ชื่นชอบ

ส่งอีเมล์ถึ่งเพื่อน

๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝวท๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝวข๏ฟฝอง