กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

          สมาคม รพ.เอกชน-รพ.กรุงเทพ ยันศิริราชเปิด“เมดิคัลฮับ” ไม่กระทบ ระบุลูกค้าคนละกลุ่ม ขณะที่เลขาธิการ สช. ห่วง ร.ร.แพทย์เปิดเมดิคัล ฮับ สร้างปัญหาชิงบุคลากรทางการแพทย์ จี้รัฐหามาตรการถ่วงดุล แก้ปัญหาพื้นที่ขาดแคลน จากการประกาศเปิดตัวโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ เพื่อเป็น เมดิคัลฮับ แห่งแรก อาจจะกระทบต่อ รพ.เอกชนนั้น

           นพ.ชาตรี ดวงเนตร ประธานคณะผู้บริหารศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า การเปิดตัวของ รพ.ศิริราช ไม่ได้กระทบกับ รพ.เอกชน หรือ รพ.กรุงเทพ เลย แต่ในมุมกลับกันเขาคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีในการพัฒนาระบบสาธารณสุขในประเทศ ไทย เพราะสามารถใช้ทรัพยากรของรัฐที่มีจำนวนมากขยายขอบเขตการบริการให้เพิ่มมาก ขึ้นได้ จึงเป็นผลดีกับประชาชนมากกว่า

           นอกจากนี้ เขาเห็นว่า ยังเป็นเรื่องที่ดีต่อการเรียนการสอนแพทย์ เพราะจะได้เข้ามาเรียนรู้ระบบ รพ.ที่ไม่แตกต่างจาก รพ.เอกชนซึ่งเป็นผลดี รวมไปถึงเรื่องของการพัฒนาการวิจัยที่จะก้าวไปข้างหน้าได้มากขึ้นเช่นกัน ผม คิดว่าเป็นเรื่องที่ ที่ รพ.รัฐปรับตัวและคิดว่าควรจะทำแบบนี้มานานแล้ว เพราะเป็นทางเลือกให้กับผู้ป่วยมากขึ้นและถือเป็นจุดเปลี่ยนระบบสุขภาพ ส่วนผลกระทบที่เกิดกับ รพ.กรุงเทพคงไม่มี และคงไม่ต้องปรับตัวอะไรมากนัก นพ.ชาตรีกล่าว สมาคมเชื่อ ไม่ส่งผลกระทบ

          นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เปิดเผยว่า ไม่อยากด่วนวิเคราะห์กรณีที่โรงเรียนแพทย์ อย่างโรงพยาบาลศิริราชออกมาเปิดบริการรูปแบบรักษาพยาบาลเป็นเอกชน เนื่องจากยังต้องดูในรายละเอียดก่อน แต่เชื่อว่าอย่างไรคงจะไม่ส่งผลกระทบต่อโรงพยาบาลเอกชน เพราะบทบาทโรงเรียนแพทย์และโรงพยาบาลเอกชนมีความแตกต่างกัน อีก ทั้งการตลาดจำเป็นต้องมองในภาพกว้าง เพราะการตลาดด้านการรักษาพยาบาลมีหลายกลุ่ม มากมาย มีทั้งชาวต่างชาติ ผู้ป่วยระดับกลาง ผู้ป่วยระดับสูง ซึ่งการเปิดโรงพยาบาลเอกชนของทางศิริราชนั้นต้องฟังให้ชัดถึงวัตถุประสงค์ ซึ่งเท่าที่ทราบเห็นว่าเป็นการเปิดเพื่อพัฒนาความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ อาจจะรักษาเฉพาะในกลุ่มโรคซับซ้อนรักษายากหรือไม่ หรือเปิดรักษาผู้ป่วยโรคทั่วไปด้วย ส่วนที่ระบุว่าค่ารักษาจะถูกกว่าโรงพยาบาลเอกชน 20-25% นั้น ต้องดูว่าถูกตรงไหน อย่างไร และใช้อะไรเป็นตัวแปรในการวัด ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องยากที่จะวัดได้ ยอมรับว่าการเปิดโรงพยาบาลเอกชนของศิริราช อาจเป็นหัวข้อในการพูดคุย ซึ่งที่ผ่านมา ทางกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนได้เคยประเมินเมื่อ 3 ปีที่แล้ว และเห็นว่าไม่ส่งผลกระทบ และเรื่องนี้ก็มีมานานไม่ได้เพิ่งเกิด ห่วงดูดแพทย์ไหลออกเพิ่ม

          นพ.อำ พล จินดาวัฒนะ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) กล่าวว่า กรณีโรงเรียนแพทย์เปิดศูนย์กลางทางการแพทย์หรือเมดิคัล ฮับ หากมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์สาธารณะโดยรวมถือเป็นเรื่องที่ดี แต่หากทิศทางเป็นไปเพื่อหารายได้ หาเงินทองทั้งที่เป็นหน่วยงานและองค์กรของภาครัฐ การดำเนินการเช่นนี้คงไม่ถูกทิศถูกทางนัก อย่างกรณีของโรงพยาบาลศิริราช ในช่วงที่จะดำเนินการขยายโรงพยาบาลได้ระบุถึงความจำเป็นในการพัฒนาความเป็น เลิศทางวิชาการ ถือเป็นเหตุเป็นผล เพราะเป็นเรื่องจำเป็นของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยที่ต้องพัฒนาการรักษาให้ถึง ขีดสูงสุด เพื่อดูแลรักษาประชาชน และในช่วงขอรับบริจาคขยาย โรงพยาบาลยังระบุว่า เป็นไปเพื่อนำเงินไปใช้ดูแลคนยากคนจนให้ได้รับการรักษาที่ดี แต่หลังจากดำเนินการไปแล้ว ต้องดูว่า ทางโรงพยาบาล ได้ดำเนินการให้เป็นไปในแนวทางที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ หรือเป็นไปแบบหวังผลเพื่อให้คนระดับมีเงินมากเข้ารักษา ที่กลายเป็นการเน้นในเรื่องของการสร้างรายได้ ถือเป็นเรื่องที่สื่อต้องลงไปเจาะข้อมูลและตรวจสอบ ต้องตามดูตั้งแต่เริ่มต้น ตั้งแต่การเริ่มโครงการ โดยดูว่าวัตถุประสงค์ถูกปรับเปลี่ยนไปหรือไม่

          นพ.อำพล กล่าวว่า การเปิดเมดิคัล ฮับ ของโรงเรียนแพทย์จำเป็นต้องศึกษาให้ลึกและชัดเจนในด้านผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ซึ่งทางคณะกรรมการกำลังคนคงติดตามเรื่องนี้อยู่และหารือกับทางโรงเรียนแพทย์ โดยเฉพาะในประเด็นที่ทำให้เกิดภาวะสมองไหลของบุคลากรทางการแพทย์ จากชนบทเข้าสู่เมืองที่เป็นปัญหาอย่างมาก แต่เดิมก็มีแรงดูดบุคลากรทางการแพทย์เข้าสู่เมืองมากอยู่แล้วจากโรงพยาบาล เอกชน แต่หากโรงเรียนแพทย์เปิดเป็นศูนย์เป็นเลิศทางการแพทย์จะทำให้เกิดแรง ดูดมหาศาลหรือไม่ และหากยิ่งเป็นการเปิดเพื่อหวังผลในรายได้ด้วยแล้ว จะยิ่งสร้างแรงดูดมหาศาลต่อไปอีก และส่งผลกระทบให้กับพื้นที่ห่างไกลและมีปัญหาขาดแคลนมากขึ้น โดยเฉพาะในชนบท

           ดังนั้นเห็นว่า จำเป็นที่รัฐบาลต้องหามาตรฐานเพื่อถ่วงดุลหากจะดำเนินนโยบายนี้ อย่างการแบ่งรายได้ส่วนหนึ่งที่ได้จากบริการเมดิคัล ฮับ เพื่อนำกลับมายังพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบ และแก้ไขปัญหาของระบบ หวั่นกระทบแพทย์ในชนบท ส่วน ที่มีโรงเรียนแพทย์ในต่างจังหวัดที่เตรียมขยายเปิดเป็นเมดิคัลฮับด้วยนั้น

          นพ.อำพล กล่าวว่า ไม่แตกต่างกัน แม้จะเปิดเมดิคัล ฮับใน กทม. แต่ผลกระทบที่เกิดก็สูงมาก และส่งผลเป็นลูกโซ่ คือ โรงเรียนแพทย์ดึงบุคลากรจากโรงพยาบาลขนาดใหญ่ โรงพยาบาลขนาดใหญ่ดึงจากโรงพยาบาลขนาดเล็ก ไล่ลงมาก ยังไม่นับรวมแรงดูดจากโรงพยาบาลเอกชนที่มีอยู่ และการที่โรงเรียนแพทย์ ระบุว่า ปัญหาบุคลากรจะไม่ส่งผลกระทบ ต้องดูภาพรวมทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่ผลิตเพื่อใช้ขยายบริการดูแลคนบางกลุ่ม บางระดับ ส่วนที่ภาครัฐเตรียมผลักดันโรงเรียนแพทย์ในต่างจังหวัดเป็นเมดิคับ ฮับด้วยนั้น หากเป็นไปเพื่อความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ ดูแลประชาชนที่อยู่ตามภาคและพื้นที่ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี รพ.สงขลาไม่พร้อมเปิดฮับ

           รศ.นพ.สุเมธ พีรวุฒิ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) กล่าวถึงมติ ครม. เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2555 เห็นชอบให้ผลักดันโรงพยาบาลสงขลานครินทร์เป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ หรือเมดิคัล ฮับ ว่า ขณะนี้ ในส่วนของโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ในด้านศักยภาพทุกด้าน และบุคลากรมีความพร้อมแล้วที่จะเปิดรับผู้ป่วยได้ เพราะศักยภาพในด้านการรักษาเราถึง

          ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลสงขลานครินทร์เป็นโรงพยาบาลตติยภูมิที่มากกว่าระดับ ตติยภูมิไปแล้ว สามารถรักษาโรคซับซ้อนและโรคยากๆ ได้ทุกโรค เพียงแต่ยังขาดความพร้อมในด้านเชิงนโยบาย โรงพยาบาลสงขลา นครินทร์เป็นโรงพยาบาลซึ่งเป็นศูนย์กลางในการส่งต่อผู้ป่วยใน 7 จังหวัดภาคใต้ รับผู้ป่วยจากทุกทิศ แต่หากไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐก็คงต้องเปิดเมดิคัล ฮับ รับผู้ป่วยต่างชาติเพิ่ม ซึ่งยอมรับว่าอาจกระทบต่อการรักษาผู้ป่วยไทย ทั้งนี้ ปัจจุบันงบประมาณที่ใช้ในโรงพยาบาล 80% เป็นเงินจากคณะแพทย์เอง ที่เหลือ 20% เป็นงบสนับสนุนจากภาครัฐ ที่ให้เฉพาะในส่วนของเงินเดือนและค่าจ้างบุคลากรเท่านั้น ขณะนี้โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ยังไม่พร้อมเป็นเมดิคัลฮับได้ เพราะเป็นศูนย์กลางรักษาพยาบาลที่ภาคใต้ และยังต้องรักษาผู้ป่วยที่ถูกส่งต่อมาจำนวนมาก