Sub Navigation Links

webmaster's News

คอลัมน์ พินิจการเมือง : ภาคีการพัฒนา จ.จันทบุรี



คอลัมน์ พินิจการเมือง : ภาคีการพัฒนา จ.จันทบุรี



ในคราวที่ สุเมธ ตันติเวชกุล เป็นเลขาธิการสภาพัฒน์ ได้สรุปผลงานการพัฒนาประเทศภายใต้แผนชาติ ฉบับที่ 1-7 รวม 35 ปี ว่า "เศรษฐกิจดี สังคมมีปัญหา การพัฒนาไม่ยั่งยืน" ท่านจึงได้ร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิทางสังคมระดับอาวุโสกลุ่มหนึ่ง จัดให้มีกระบวนการจัดทำแผนพัฒนาประเทศแบบมีส่วนร่วมเป็นครั้งแรก โดยใช้เทคนิคกระบวนการที่เรียกว่า AIC เข้ามาช่วย จนมาเป็นแผนพัฒนาประเทศฉบับที่ 8 พ.ศ. 2540-2544
          
เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในครั้งนั้น น่าจะนับได้ว่าเป็นจุดเริ่มของการปรับทิศทางการพัฒนาประเทศครั้งสำคัญ จากเดิมเคยมุ่งเศรษฐกิจเป็นใหญ่มาสู่การเอาคนเป็นศูนย์กลางการพัฒนา เอาใจใส่ต่อคุณภาพชีวิต สังคมและ สิ่งแวดล้อม กระทั่งล่าสุดมีวิวัฒนาการมาเป็น 17 เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG) ตามแนวทางของสหประชาชาติ
          
ส่วนตัวผมเอง ในเวลานั้นได้รับมอบหมายให้มาร่วมเป็นกองเลขานุการกิจของ "เวทีประชาคมแผน 8" เคียงคู่กับทีมงานสภาพัฒน์ นอกจากนั้นยังได้รับมอบหมายจาก สรรเสริญ วงศ์ชอุ่ม เลขาธิการสภาพัฒน์ท่านต่อมา ขอให้ช่วยดำเนินกระบวนการจัดเวทีวิสัยทัศน์จังหวัดและพื้นที่ระดับเขตทั่วประเทศจำนวน 105 เวที ในปี 2542 เพื่อนำข้อมูลมาใช้ประกอบในการจัดทำแผนพัฒนาประเทศฉบับที่ 9
          
จำได้ว่าในคราวนั้น พวกเราในทุกจังหวัดต่างทำงานเชื่อมโยงระหว่างพื้นที่กันเป็นที่สนุกสนานมาก กลุ่มแกนเหล่านั้นต่อมาได้กลายเป็นจุดตั้งต้นของ "ประชาคมจังหวัด" ที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ และมีพัฒนาการต่อเนื่องจนมาเป็นเครือข่าย "สมัชชาสุขภาพจังหวัด" ในปัจจุบัน
          
ประชาคม จ.จันทบุรี

ภาคประชาชนใน จ.จันทบุรี เริ่มการรวมตัวของกลุ่มที่ขับเคลื่อนงานสังคมตามประเด็นที่ตนสนใจ หรือมีอาชีพเกี่ยวข้อง จนเมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจฟองสบู่แตกในปี 2540 มีกองทุนเพื่อการลงทุนทางสังคม (SIF) มาสนับสนุน จึงเกิดการเชื่อมร้อยกันเป็นเครือข่าย โดยมี "คณะทำงานกองทุนเพื่อสังคม จ.จันทบุรี" เป็นแกนกลางกิจกรรมความเคลื่อนไหวสำคัญของเครือข่ายในช่วงปี 2541-2561 อาทิ
          
การขับเคลื่อนจิตสำนึก "กอบบ้านกู้เมือง" ทำให้เกิดการหลอมเป็น เครือข่ายใหญ่ เรียกชื่อว่า "ประชาคมจันทบูร" จัดตั้ง "ศูนย์ประสานงานต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนภาคประชาชน" โดยการสนับสนุนของกระทรวงมหาดไทย จัดตั้ง "เครือข่ายจัดการปัญหาภัยพิบัติภาคประชาชนจันทบุรี" โดยองค์กรชุมชน 13 ตำบล ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม
          
ปี 2553 คัดค้านโครงการศึกษาความเป็นไปได้ของพื้นที่ เพื่อจัดตั้งอุตสาหกรรมเหล็กขั้นต้น จนนำมาซึ่งการยุติโครงการ จัดเวทีสมัชชาสภาองค์กรชุมชน "เปลี่ยนจันทบุรี 10 ปี  จะไปทางไหน" สมัชชาสุขภาพร่วมกันกำหนดกรอบแนวทางการพัฒนา จ.จันทบุรี ในทุกมิติ บนพื้นฐานการมีส่วนร่วม สร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ
         
ประกาศ "ปฏิญญาสมัชชาชุมชนคนจันท์" มอบแผนชุมชนด้านความมั่นคงทางอาหารให้กับจังหวัด จัดตั้ง "สภาพลเมือง จ.จันทบุรี" ประกาศนโยบายสาธารณะ "จันทบุรีเมืองแห่งความสุข สุขทุกวันที่จันทบุรี" ขับเคลื่อน "ศูนย์ประสานงานพหุภาคีพัฒนา จ.จันทบุรี (ศปจ.)" สานพลังประชารัฐสร้างเสริมสังคมสุขภาวะ จัดตั้งและพัฒนาระบบ "กองทุนประชารัฐเพื่อสังคมของ จ.จันทบุรี" และล่าสุดจัดตั้ง "สมาคมพหุภาคีพัฒนาประชาสังคมจันทบุรี"

งานชุมชนเข้มแข็ง
          
จันทบุรีมีประชากร 5.36 แสนคน อาศัยอยู่ใน 10 อำเภอ 76 ตำบล 731 หมู่บ้าน
          
จังหวัดนี้มีเครือข่ายงานชุมชน เข้มแข็งที่ทำงานกันมายาวนานมาก  ที่แข็งแรงมากที่สุดน่าจะเป็นเครือข่ายสัจจะสะสมทรัพย์ของพระครูสังฆรักษ์ มนัส ขันติธัมโม มีสมาชิกทั้งจังหวัดประมาณ 1 แสนคน มีเงินกองทุนสวัสดิการ 1,000 ล้านบาท มีออมเพิ่มขึ้นทุกเดือนเดือนละ 10 ล้านบาท
          
งานชุมชนเข้มแข็งที่นี่เขาเริ่มมาก่อนงานประชาสังคมนานมาก ที่นี่ถือเป็นฐานหลักของข่ายงานสังฆะเพื่อสังคม มีการขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์ไปอย่างกว้างขวาง มีการจัดตั้ง "กองบุญสุขภาวะ สังฆะจันทบุรี" พระครูมนัส เล่าให้ฟังว่า ในขณะนี้วัดทุกวัดในเขต อ.แหลมสิงห์ เข้าร่วมเป็นเครือข่ายพระสงฆ์เป็นสมาชิก 500 รูป มีการสมทบกองทุนสวัสดิการพระสงฆ์อาพาธ 1,000 บาท/เดือน/รูป เมื่อ เจ็บป่วยอาพาธไปโรงพยาบาลช่วย 1,000 บาท/ครั้ง ป่วยติดเตียงช่วย 1,000 บาท/เดือน กรณีอุบัติเหตุช่วยจ่าย 2 หมื่นบาท/ครั้ง
          
นอกจากนั้น ประชาชนที่นี่ยังมีการจัดตั้งรวมกลุ่มกัน เพื่อการพัฒนาและจัดการตนเองเป็นองค์กรชุมชน ซึ่งมีจำนวนมากถึง 1,515 องค์กร และมีการจัดทำธรรมนูญสุขภาพตำบลไปแล้ว 22 แห่ง
          
เครือข่ายเกษตรอินทรีย์ ปัจจุบันที่ยังคงทำกันอย่างแข็งขันมี 2 สาย คือ สายวัดกับสายสุขภาพ กลุ่มเกษตรกรต้นแบบอยู่ที่ ต.ปัถวี และเครือข่าย อ.เขาคิชฌกูฏ ทำการเกษตรแบบประณีต ไม่ใช้เคมี ไม่ใช้ยา ไม่ใช้ฮอร์โมน ใช้มาตรฐาน PGS/Organic Thailand มีการทำความร่วมมือกับ ห้างซูเปอร์มาร์เก็ตในเมือง 45 ราย 1,200 ไร่
          
เครือข่ายพลเมืองอาสา
          
ความเคลื่อนไหวของอาสาสมัครภาคพลเมืองเป็นอีกรูปธรรมหนึ่งของระดับคุณภาพของสำนึกสาธารณะและการจัดการตนเองในชุมชนท้องถิ่น ที่นี่เขามีการรวมตัวกันของคนทำงาน จิตอาสาในอำเภอต่างๆ รวม 239  เครือข่าย 2,777 คน ให้การดูแลผู้ยากลำบาก ที่ตกสำรวจและถูกทอดทิ้ง 2,200 คน เป็นกลุ่มติดบ้าน-ติดเตียง 717 คน พิการ 701 คน ไร้บ้าน 266 คน ผู้สูงอายุที่ถูกทอดทิ้ง 166 คน ไร้สัญชาติ 75 คน ฯลฯ
          
มีการหาเงินบริจาคนำมาจัดตั้งเป็น "กองทุนจิตอาสาประชารัฐเพื่อสังคม จ.จันทบุรี" จำนวน 534,234 บาท มีโครงการกองทุนข้าวสารสำหรับคนยากจนของเจ้าอาวาสวัดโค้งสนามเป้า และกองทุนข้าวสารเพื่อประชาชนคนท่าช้าง
           
นอกจากนั้น ยังมีกลุ่มจิตอาสาอื่นๆ หลากหลายมาก ที่ลุกขึ้นมาช่วยกันดูแลกันเอง อีกทั้งสมาคมคนพิการ จ.จันทบุรี กลุ่มจิตอาสา อ.ขลุง กลุ่มจิตอาสา อ.โป่งน้ำร้อน กลุ่มธาราเพื่อชีวิต ใช้ความรู้และเทคนิคธาราบำบัด ช่วยรักษาทางกายภาพบำบัดสำหรับเด็กสมองพิการที่มีอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ
          
นี่คือตัวอย่างของขบวนการประชาธิปไตยทางตรง ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม ประชาธิปไตยที่ว่าด้วยการจัดการปัญหาด้วยตนเอง ซึ่งรอเข้าร่วมขบวนการพัฒนาระบบประชาธิปไตยเชิงคุณภาพ-คุณธรรมอย่างเข้มข้นในระยะอันใกล้



ที่มา : โพสต์ทูเดย์

Facebook

เข้าสู่ระบบ to rate

อันดับความนิยม:

อัพโหลดโดย:  webmaster

วันที่อัพโหลด:  6th Mar 19

จำนวนผู้ชม:  34931

ความคิดเห็น:  0

ข่าวที่ชื่นชอบ:  0

หมวด:   ข่าวสารน่ารู้

แจ้งข่าวไม่เหมาะสม

ชื่นชอบ

ส่งอีเมล์ถึ่งเพื่อน

๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝวท๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝวข๏ฟฝอง