Sub Navigation Links

webmaster's News

อากาศร้อนคุกคามประชากรประเทศกำลังพัฒนา



อากาศร้อนคุกคามประชากรประเทศกำลังพัฒนา



ปัญหาโลกร้อนและพลวัตของภูมิอากาศเป็นสาเหตุให้อุณหภูมิพุ่งสูงและเกิด ฤดูกาลแปรปรวน ทั้งยังเป็นผลให้ผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะประชากรในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนามีภาวะเสี่ยงสูงขึ้นต่อการเสียชีวิต ด้วยเหตุธรรมชาติ เช่น โรคทางเดินหายใจ โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด และโรคหลอดเลือดสมอง
บทความต่อไปนี้เป็นข้อมูลสรุปจากการศึกษาวิจัยทางระบาดวิทยาดำเนินการ ศึกษาในเมืองใหญ่ 3 แห่งของประเทศแอฟริกาใต้ ซึ่งแม้ข้อมูลจากการศึกษาวิจัยนี้ยังไม่ได้รับตีพิมพ์แต่ก็ได้นำไปรายงานใน การประชุมวิชาการระหว่างประเทศรวมสองวาระเมื่อปีกลาย  

ผู้ป่วยโรคเรื้อร ังมีภาวะเสี่ยงสูงต่อผลกระทบจากสภาพอากาศร้อน
ที่มาของการศึกษาวิจัย
แม้การศึกษาวิจัยถึงปัญหาอุณหภูมิโลกที่ผ่านมามีผู้ศึกษาไว้หลายแนวทาง รวมถึงการศึกษาทางภูมิอากาศวิทยา แต่การศึกษาในประเด็นนี้เพิ่งเป็นที่สนใจในด้านสาธารณสุขและระบาดวิทยาก็ใน ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
การศึกษาทางระบาดวิทยานั้นเป็นการศึกษาการกระจายของโรค รวมถึงอิทธิพลที่ส่งผลต่อการกระจายหรือการเกิดโรค ซึ่งจำเป็นต่อการศึกษาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศต่อสุขภาพของ มนุษย์ และการกำหนดแนวทางการรับมือกับปัญหา 
อย่างไรก็ดีการศึกษาวิจัยทางระบาดวิทยาซึ่งศึกษาในทวีปแอฟริกาปัจจุบัน ยังคงมีน้อย และจำเป็นที่จะต้องมีการศึกษาวิจัยทางระบาดวิทยาในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาตาม ประชากรที่มีภาวะเสี่ยงที่ต่างไปจากประชากรในแถบอเมริกาเหนือและยุโรปตะวัน ตก
เมื่อพิจารณาจากความแตกต่างทั้งด้านสถาปัตยกรรมของสิ่งก่อสร้างและ กิจกรรมของประชากรจะเห็นได้ว่า สภาพอากาศร้อนส่งผลกระทบต่อผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านมุงสังกะสีที่สร้างขึ้นแบบ ชั่วคราว ซึ่งตามข้อมูลสำมะโนประชากรของแอฟริกาใต้ระบุว่า มีประชาชนที่อาศัยอยู่ในบ้านมุงสังกะสี (เพิง) ราว 3.3 ล้านคน หรือประมาณ 1.2 ล้านครัวเรือน
นอกจากนี้ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน เอชไอวี วัณโรค ตลอดจนท้องร่วงก็มีภาวะเสี่ยงสูงต่อผลกระทบจากสภาพอากาศร้อน โดยคาดกันว่า ปัจจุบันแอฟริกาใต้มีผู้ป่วยเอชไอวีกว่า 6 ล้านคนซึ่งสูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก
แนวทางการศึกษาวิจัย
การศึกษาวิจัยนี้อาศัยการวิเคราะห์ตัวแบบทางสถิติที่ซับซ้อน โดยวิเคราะห์ข้อมูลการเสียชีวิตจากทะเบียนสถิติแห่งชาติของแอฟริกาใต้และ ข้อมูลจากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแอฟริกาใต้ระหว่างปี 2549 ถึง 2553 เพื่อติดตามว่าระดับความร้อนที่ร่างกายรู้สึกได้อันเป็นผลลัพธ์จากอุณหภูมิ และความชื้นนั้นส่งผลให้อัตราการเสียชีวิตด้วยเหตุธรรมชาติสูงขึ้นหรือไม่ใน 3 เมืองใหญ่ อันได้แก่ เมืองเคปทาวน์ เมืองเดอร์บัน และนครโจฮันเนสเบิร์ก 
การศึกษาวิจัยมุ่งไปที่ผลกระทบจากความร้อนเมื่อระดับความร้อนที่ร่างกาย รู้สึกได้สูงเกินกว่าอุณหภูมิที่จุดตรวจสอบของแต่ละเมืองซึ่งกำหนดจากตัวแบบ ทางสถิติ อนึ่ง อุณหภูมิที่เมืองเคปทาวน์กำหนดไว้ที่ 15 องศาเซลเซียส เมืองเดอร์บันที่ 20 องศาเซลเซียส และนครโจฮันเนสเบิร์กที่ 13 องศาเซลเซียส
ซึ่งทั้ง 3 เมืองเป็นตัวแทนของเขตภูมิอากาศที่แตกต่างกัน 3 เขต ได้แก่
เมืองเคปทาวน์ มีภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน
เมืองเดอร์บัน มีภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้นซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่างภูมิอากาศแบบร้อนชื้น และภูมิอากาศแบบทุ่งหญ้าเขตร้อน (Aw)
นครโจฮันเนสเบิร์ก มีภูมิอากาศแบบอบอุ่นชื้นภาคพื้นสมุทร (Cwb)
การศึกษาวิจัยที่เมืองเคปทาวน์ได้วิเคราะห์การเสีย ชีวิตด้วยเหตุธรรมชาติเมื่อระดับความร้อนที่ร่างกายรู้สึกได้อยู่ระหว่าง 15-27 องศาเซลเซียส โดยพบการเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 ของการเสียชีวิตด้วยเหตุธรรมชาติในทุกกลุ่มอายุจากระดับความร้อนที่สูงขึ้น ทุก 1 องศาจากอุณหภูมิจุดตรวจสอบที่ 15 องศา และพบด้วยว่า การเสียชีวิตด้วยเหตุธรรมชาติสูงขึ้นร้อยละ 2 ในกลุ่มประชากรอายุมากกว่า 60 ปี
ที่เมืองเดอร์บันซึ่งได้ศึกษาการเสียชีวิตด้วยเหตุ ธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่อระดับความร้อนที่ร่างกายรู้สึกได้อยู่ระหว่าง 20-31 องศาเซลเซียส ก็พบการเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 ของการเสียชีวิตด้วยเหตุธรรมชาติในทุกกลุ่มอายุจากระดับความร้อนที่ร่างกาย รู้สึกที่สูงขึ้นทุก 1 องศาจากอุณหภูมิจุดตรวจสอบที่ 20 องศา ขณะที่การเสียชีวิตด้วยเหตุธรรมชาติสำหรับระดับความร้อนที่เพิ่มขึ้นทุก หนึ่งองศาสูงขึ้นร้อยละ 1.4 ในกลุ่มประชากรอายุมากกว่า 60 ปีและ 1.9 ในเด็กอายุไม่เกิน 4 ขวบ  
ด้านนครโจฮันเนสเบิร์กซึ่งมีตัวเลขการเสียชีวิตด้วย เหตุธรรมชาติราว 94,900 รายระหว่างปี 2549 และ 2553 ก็พบอัตราที่สูงขึ้นร้อยละ 0.5 สำหรับการเสียชีวิตด้วยเหตุธรรมชาติในทุกกลุ่มอายุ และสูงขึ้นร้อยละ 1.2 สำหรับการเสียชีวิตด้วยเหตุธรรมชาติในกลุ่มประชากรอายุมากกว่า 60 ปีสำหรับระดับความร้อนที่สูงขึ้นทุกหนึ่งองศาจากอุณหภูมิจุดตรวจสอบที่ 13 องศาเซลเซียส โดยระดับความร้อนที่ร่างกายรู้สึกได้อยู่ระหว่าง 13-24 องศาเซลเซลเซียส
ผลลัพธ์จากการวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่า สภาพอากาศที่ร้อนขึ้นสัมพันธ์กับจำนวนผู้เสียชีวิตด้วยเหตุธรรมชาติที่เพิ่ม ขึ้นจากอุณหภูมิจุดตรวจสอบที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเมืองอื่นในต่าง ประเทศ ซึ่งมีสภาพอากาศคล้ายคลึงกัน และสะท้อนว่า ประเทศแอฟริกาใต้มีภาวะเสี่ยงต่อผลกระทบจากความร้อนสูงกว่าประเทศที่พัฒนา แล้ว
ก้าวต่อไปของการศึกษาวิจัยนี้จะขยายผลไปยังเมืองอื่นอีก 4 แห่งในแอฟริกาใต้ซึ่งตั้งอยู่ในเขตภูมิอากาศที่แตกต่างกัน  โดยจะเน้นการศึกษาสาเหตุจำเพาะของการเสียชีวิต (เช่น โรคทางเดินหายใจ และโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด) ว่ามีความเชื่อมโยงกับสภาพอากาศร้อนหรือไม่

Facebook

เข้าสู่ระบบ to rate

อันดับความนิยม:

อัพโหลดโดย:  webmaster

วันที่อัพโหลด:  15th Mar 16

จำนวนผู้ชม:  34926

ความคิดเห็น:  0

ข่าวที่ชื่นชอบ:  0

หมวด:   ข่าวสารน่ารู้

แจ้งข่าวไม่เหมาะสม

ชื่นชอบ

ส่งอีเมล์ถึ่งเพื่อน

๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝวท๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝ๏ฟฝวข๏ฟฝอง