รายงานข่าวสุขภาวะ ภาคใต้ สานใจสานพลัง 10 กันยายน 2563 ตอน ปูพรมนโยบายฯผู้ป่วยระยะสุดท้าย : ชัยวุฒิ เกิดชื่นสธ.- สช.- สภาการพยาบาลจับมือเดินหน้ามอบนโยบายบูรณาการการดำเนินงาน สิทธิการตายดี ตามมาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 หรือ Living Will และการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง (Palliative Care) แก่ผู้บริหารสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั้ง 77 จังหวัด และเขตสุขภาพทั้ง 12 เขต เตรียมดันเข้าสู่ระบบบริการปฐมภูมิ เข้าถึงชุมชน ครอบคลุมทุกโรค ทุกช่วงวัย ทั่วประเทศ สังคมไทยเผชิญกับโรคร้ายและโรคอุบัติใหม่เพิ่มขึ้น เมื่อผนวกกับข้อเท็จจริงที่ว่าเรากำลังก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะมีสัดส่วนผู้สูงอายุถึงร้อยละ 20 ในอีก 4 ปีข้างหน้า ก็ยิ่งเป็นความท้าทายที่ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมกันหาแนวทางรับมือ ด้วยเหตุนี้ระบบการดูแลผู้ป่วยแบบประคับประคอง (Palliative care) การวางแผนการรักษาล่วงหน้า (Advance care plan) และหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขเพียงเพื่อยืดการตายในระยะท้าย (Living will) ตามมาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 จึงมีส่วนสำคัญต่อการรับมือความท้าทายดังกล่าว ซึ่งเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) และสภาการพยาบาล จึงจัดให้มีการประชุมทางไกลเพื่อมอบนโยบายการดำเนินงานเกี่ยวกับประเด็นข้างต้นแก่ผู้บริหารสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ทั้ง 77 จังหวัด และเขตสุขภาพทั้ง 12 เขต โดยงานจัดขึ้น ณ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า มาตรา 12 แห่ง พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 เป็นสิทธิมนุษยชนสากล และเป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสารสร้างความเข้าใจระหว่างผู้ให้บริการ ผู้ป่วยและญาติ ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในวาระสุดท้ายของผู้ป่วย การผลักดันเรื่องนี้ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ องค์กรวิชาชีพด้านสุขภาพ เช่น สภาการพยาบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการพัฒนาระบบบริการ Palliative care และ Living will ทั้งในเรื่องโครงสร้างและกลไกการขับเคลื่อน การจัดบริการสุขภาพ การพัฒนาชุดสิทธิประโยชน์ การสื่อสารสังคม และการพัฒนาองค์ความรู้ ที่ผ่านมา สช. ได้ทำหน้าที่สานพลังองค์กรภาคส่วนต่างๆ ทั้งภาคส่วนนโยบาย ภาคส่วนวิชาการ ภาคประชาสังคม รวมถึงเตรียมดำเนินการขับเคลื่อนประเด็นนี้ผ่านกลไกและเครือข่ายภาคประชาสังคม ทั้งสมัชชาสุขภาพจังหวัดทั่วประเทศและคณะกรรมการเขตสุขภาพเพื่อประชาชน ในการสนับสนุนการทำงานในระบบบริการสุขภาพตามแผนพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service plan) สาขาการดูแลแบบประคับประคองของกระทรวงสาธารณสุข นพ.ประทีป กล่าว
|